ทิสโก้แนะรอช็อปหุ้น คาดสถาบันปรับพอร์ตขาย 2 หมื่นล.

06 ส.ค. 2560 | 08:33 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

บล.ทิสโก้คาดเดือนส.ค.-ก.ย. นักลงทุนสถาบันขายหุ้น 2 หมื่นล้านบาทปรับพอร์ต แนะนักลงทุนเริ่มทยอยซื้อหุ้นใหญ่เก็บ รออานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้าหลังสถานะถือครองต่างชาติต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2548

image1 (24) นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ มองภาพรวมตลาดหุ้นไทยในงานสัมมนา TISCO Monthly Guru Updates ว่าตลาดหุ้นไทยในเดือนส.ค.และ ก.ย. มีโอกาสย่อตัว ส่วนหนึ่งมาจากแรงขายจากนักลงทุนสถาบัน เพราะจากการเก็บสถิติพบว่าส่วนใหญ่ช่วงเดือน ส.ค.และเดือน ก.ย.ของทุกปี นักลงทุนสถาบันจะขายหุ้นเพื่อปรับพอร์ตการลงทุน โดยประเมินว่าในช่วงเดือน ส.ค.และ ก.ย.ปี 2560 นักลงทุนสถาบันจะมีสถานะขายสุทธิประมาณ 2 หมื่นล้านบาท หลัง 7 เดือนแรกของปี 2560 มีสถานะซื้อสุทธิ 46,036 ล้านบาท มองกรอบดัชนีหุ้นไทยในไตรมาสที่ 3 จะปรับตัวขึ้นไม่เกิน 1,590-1,600 จุด และลงมาทำจุดต่ำสุดของไตรมาสในเดือน ก.ย.ที่ 1,555-1,530 จุด

 

[caption id="attachment_190763" align="aligncenter" width="335"] นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้[/caption]

ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนทยอยซื้อสะสมในเดือน ก.ย. หากดัชนีย่อตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 1,555 จุด กรณีที่ย่อลงแรงกว่านั้นให้ทยอยเข้าซื้อที่แนวรับถัดไปที่ 1,535 จุด เน้นซื้อหุ้นขนาดใหญ่รอรับเงินทุนต่างประเทศที่คาดว่าจะไหลเข้ามาอีกครั้งในไตรมาสที่ 4 หลังสถานะการถือครองของนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2548

ขณะที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 จะฟื้นตัวอย่างชัดเจนมีปัจจัยหนุนหลัก คือ การลงทุนภาครัฐ หนุนให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาร้อนแรงอีกครั้งโดยประเมินดัชนีเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยไตรมาส 4 ไว้ที่ 1,650 จุด สำหรับหุ้นเด่นเดือน ส.ค.คือ AP, BANPU, BEAUTY, ROJNA, SEAFCO และ TPIPP

สำหรับมุมมองหุ้นต่างประเทศ ในเดือนส.ค.-ก.ย.มีโอกาสสูงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกจะเข้าสู่ช่วงปรับฐานลงประมาณ 5-8% จากจุดสูงสุด (Peak) ของปี 2560 เพราะในช่วงนี้เป็นช่วงศูนย์รวมข่าวร้ายโดยมีปัจจัยลบ 4 ประเด็น คือ 1.นโยบายการเงินของประเทศหลักของโลกอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน แนะนำนักลงทุนให้จับตานโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยวันที่ 20 ก.ย.Fed จะเริ่มประกาศแผนการลดขนาดงบดุลจากปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าในไตรมาสที่ 4 ปี 2560 Fed จะลดงบดุลประมาณ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2561 ลดลง 3.3 แสนล้านดอลาร์สหรัฐฯ และปี 2562 จะลดลงอีก 5.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ ECB เตรียมลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จาก 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน เหลือ 4 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน 2. ความไม่แน่นอนของนโยบายด้านต่างๆ ของประเทศสหรัฐฯ เช่น การผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ที่จะมาแทนโอบามาแคร์ 3.DOWJONES และNADAQ ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นโดยไม่มีการปรับฐานเกินกว่า 5% มา 11 เดือนติด เข้าถึงจุดซื้อมากเกินไป (Overbought) 4.ราคาหุ้นทั่วโลกเริ่มแพง นับจากปี 2553ที่เกิดวิกฤติ Dot Com Bubble

ทั้งนี้ งานสัมมนา TISCO Monthly GURU Updates เป็นหนึ่งในกิจกรรมสัมนาที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือนเพื่อเผยแพร่บทวิเคราะห์และทิศทางการลงทุนเพื่อช่วยให้ลูกค้าทิสโก้และนักลงทุนบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ตามกลยุทธ์การเป็นผู้แนะนำการลงทุนชั้นนำ หรือ Top Advisory House ของทิสโก้