KTAMเพิ่มขนาดกองKT-CHINAรองรับความต้องการลูกค้า

03 ส.ค. 2560 | 11:28 น.
KTAM เพิ่มเงินทุนจดทะเบียนกองทุน KT-CHINA รองรับความต้องการลูกค้า เดือนเดียวผลตอบแทนพุ่ง 13% พร้อมขาย2กองทุนตราสารหนี้ตปท. 1 ปี ชูยิลด์ 1.65%

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเคแทม ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ ( KT-CHINA) นักลงทุนให้ความสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องจดทะเบียนเพิ่มเงินทุนของโครงการ จาก 2,000 ล้านบาท เป็น 3,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของกองทุนในอนาคต โดยกองทุนดังกล่าวจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2560 ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 879 ล้านบาท ผลตอบแทน ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2560 ย้อนหลัง 1 เดือน อยู่ที่ 12.92% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน MSCI China 10/40 Net TR USD Index อยู่ที่ 12.16% มูลค่า NAV ต่อหน่วย ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2560 อยู่ที่ 11.3107 บาท

kt1

กองทุน KT-CHINA จะเน้นในหน่วยลงทุนของกองทุน BGF China Fund (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม หรือตามอัตราส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด กองทุนหลัก มีวัตถุประสงค์มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) และจะลงทุนอย่างน้อย 70% ของสินทรัพย์รวมของกองทุนในตราสารทุนของบริษัทที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจีนหรือเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในจีนที่จดทะเบียนทั้งในและต่างประเทศ โดยกองทุนจะเน้นการลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในรูปเงินสกุลฮ่องกงดอลล่าร์ (HKD) และกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปตามแนวทางเศรษฐกิจใหม่ของจีน ( China ‘s New Economic ) ซึ่งประกอบด้วยหุ้นในกลุ่มการบริการทางการเงิน โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ธุรกิจสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ พลังงานและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 162 ( KTFF162) และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 163 ( KTFF163) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2560 เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่า 80% โดยกองทุน KTFF162 อายุ 1 ปี ลงทุนในบัตรเงินฝาก Bank of China , Agricultural Bank of China , The Bank of East Asia Limited ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 19% ส่วนที่เหลือ ลงทุนใน บัตรเงินฝาก Industrial and Commercial Bank of CHINA 14% และ เงินฝากประจำ Union National Bank PJSC 10%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนประมาณ 1.65%ต่อปี

 

kt2
ส่วนกองทุน KTFF163 อายุ 6 เดือน ลงทุนในบัตรเงินฝาก Bank of China , Agricultural Bank of China , China Construction Bank และ Bank of Communication ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 19% ส่วนที่เหลือลงทุนใน Industrial and Commercial Bank of CHINA 14% และ Union National Bank PJSC 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนประมาณ 1.40% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุน บุคคลธรรมดาผลตอบแทนไม่เสียภาษี

สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวผันผวนตามแรงซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ หลังมีเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้เกิดใหม่รวมถึงไทย จากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา ที่ทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาต้องชะลอออกไปสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติเป็นยอดซื้อสุทธิจำนวน 11,021 ล้านบาท

ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวผันผวนตามปัจจัยทางการเมือง ที่ทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาต้องชะลอออกไป ในขณะที่มีแรงขายทำกำไรและแรงซื้อกลับหลังธนาคารกลางสหรัฐ ( Fed) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมท่ามกลางตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ปี 2560 ของสหรัฐอเมริกาที่ออกมาต่ำกว่าคาด โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 bps.มาอยู่ที่ 1.35% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 bps. มาอยู่ที่ 1.83% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 bps.มาอยู่ที่ 2.29% ต่อปี