ปูนซีเมนต์นครหลวง กำไรไตรมาส2 ลดลง 145%เหตุค่าใช้จ่ายครั้งเดียวเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างและตัดบัญชีสินทรัพย์ 600 ล้านบาทฉุด สวนยอดขายโต 34% ตลาดในประเทศชะลอตัว บังกลาเทศ ศรีลังกา เวียดนามเติบโต
บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2560 กำไรสุทธิ 245.73 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.92 บาท ลดลง 145% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,219.49 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 5.12 บาท ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2560 กำไรสุทธิ 795.66 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.14 บาท ลดลง 69% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,581.28 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 10.85 บาท
นายศิวะ มหาสันทนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง เปิดเผยว่า ครึ่งปีแรกของปี 2560 บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิเพิ่มขึ้น 34% เป็นจำนวน 21,442 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่ออยู่ที่ 16,043 ล้านบาท เป็นผลจากความสำเร็จในการซื้อกิจการในประเทศบังกลาเทศ ศรีลังกาและเวียดนาม โดยบริษัทในประเทศดังกล่าวมีผลประกอบการที่ดี
อย่างไรก็ตามผลกำไรของกลุ่มบริษัทในไตรมาสนี้ลดลง 69% เนื่องจากการชะลอตัวของตลาดในประเทศไทย อีกทั้งบริษัทยังคงได้รับความกดดันทางด้านราคาอย่างต่อเนื่องและประสบปัญหาความต้องการของตลาดโดยรวมที่ลดลง 5% ในครึ่งปีแรก
นอกจากนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทยังได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวประมาณ 600 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายนี้รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างกิจการภายในประเทศ การตัดบัญชีสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ในการดำเนินการการหยุดซ่อมบำรุงเครื่องจักร ค่าที่ปรึกษา ค่าใช้จ่ายทางบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการและค่าใช้จ่ายทางการเงินสำหรับเงินกู้ระยะสั้น
อย่างไรก็ตามบริษัทยังได้รับประโยชน์จากการขยายกิจการไปยังภูมิภาคอื่นได้แก่ บังกลาเทศ ศรีลังกาและเวียดนามซึ่งมีความต้องการของตลาดที่เติบโต 6-8% ในระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2560
ทั้งนี้เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์ที่ธุรกิจภายในประเทศตกต่ำอย่างมาก บริษัทได้ปรับปรุงแผนธุรกิจซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และปรับโครงสร้างค่าใช้จ่าย เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดของบริษัท ซึ่งบริษัทเชื่อว่าหลังจากการปรับปรุงแผนธุรกิจภายในประเทศการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและการดำเนินงานที่มีคุณภาพที่ดีขึ้นและมีโอกาสในการสร้างการเตบโตต่อไป
สำหรับแนวโน้มในอนาคตคาดว่าปูนซีเมนต์ในบังกลาเทศศรีลังกา และเวียดนามจะยังเติบโตอย่างมั่นคง รวมถึงการก่อสร้างโรงงานปูนซีเมนต์ของบริษัทร่วมค้าในกัมพูชาคาดว่าจะเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2560 โดยจะมีส่วนทำให้ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทดีขึ้น อย่างไรก็ตามการดำเนิธุรกิจในประเทศไทยยังเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย บริษัทมั่นใจว่าสถานการณ์ในตลาดจะมีแนวโน้มดีขึ้นและการปรับปรุงแผนธุรกิจที่ได้เริ่มและดำเนินการอยู่จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น พร้อมกับทำให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุมจะทำให้กำรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นภายใน 6-12 เดือน
คณะกรรมการบริษัทฯมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 6 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 1,788 ล้านบาท กำหนดให้วันที่ 21 ส.ค.2560 เป็นวันกำหนดสิทธิรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลและวันที่ 22 ส.ค.2560 เป็นวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อพักการโอนหุ้นและรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 1 ก.ย.2560