มาโก้วางแผนธุรกิจ 3 ปีดันรายได้โตเท่าตัว

02 ส.ค. 2560 | 08:01 น.
มาโก้ กางแผนธุรกิจ 3 ปี เตรียมกวาดรายได้เท่าตัว  พร้อมเพิ่มรายได้จากสื่อดิจิตอลเป็น 20% รับเทรนด์ผู้บริโภค เตรียมลุยตลาดต่างจังหวัดหัวเมืองติดป้ายโฆษณาดิจิตอล ขณะที่รายได้ปีนี้คาดโต 20% โกย 900 ล้าน

นางศุภรานันท์  ตันวิรัช  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน)  หรือ MACO ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณากลางแจ้ง  เปิดเผยว่า  ได้วางเป้าหมายธุรกิจในระยะ 3 ปีนังจากนี้ หรือภายในปี 2561 จะมีรายได้เติบโต 2 เท่าตัว หรือมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง 25-30%  นับจากปัจจุบัน  ที่ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 900 ล้านบาท  หรือเติบโตในอัตรา 20%  นอกจากนี้  ยังวางเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 35%  จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 30% มีสัดส่วนป้ายดิจิตตอลไม่น้อยกว่า 10% จากสื่อที่มีทั้งหมดที่ปัจจุบันมีกว่า 1,000 ป้าย  โดยจะมุ่งเน้นไปยังพื้นที่ใจกลางเมืองของหัวเมืองต่างจังหวัด และป้ายดิจิตอล จะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20% ของรายได้รวม

CEO MACO 6 “หลังจากนี้ไปตลาดสื่อนอกบ้านจะมีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร  ตลาดจะเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่  เพราะลูกค้าจะประหยัดการใช้เงินมากขึ้น  และใช้เงินให้คุ้มค่าเพื่อให้ได้สื่อที่มากขึ้น   บริษัทจะนำเอาป้ายว่างที่มีประมาณ 30%  ไปจัดแพคเกจร่วมกับวีจีไอ ที่เป็นบริษัทแม่ขายเป็นแพคเก และรวมกับสื่ออื่นๆ เช่น ออนไลน์ สื่อบนรถไฟฟ้า จะได้แพ็คใหญ่และมีส่วนลดมากขึ้น  รวมถึงมีลูกเล่นใหม่ๆ ในการผสมผสานสื่อ  ส่วนเงินลงทุนในแต่ละปีในการพัฒนาสื่อใหม่ๆ จะใช้เงินประมาณปีละ 300-400 ล้านบาท   ยกเว้นการควบรวมกิจการ”

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา  บริษัทมีรายได้ 199 ล้านบาท  เติบโต 11% จากปีก่อน  และเติบโต 5% จากไตรมาสแรกของปีนี้  เป็นผลจากการรับรู้รายได้ของการเข้าซื้อกิจการมัลติ ไซน์ บริษัทสื่อกลางแจ้งในช่วงกลางปีที่ผ่านมา  รวมถึงยอดขายสื่อที่ปรับตัวดีขึ้น  ทำให้มีกำไรเติบโต 37%  หรือมีมูลค่า 40 ล้านบานท maco

ส่วนแผนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังได้เตรียมขยายเครือข่ายของป้ายแอลอีดีเพิ่มอีก 30 จอ ภายในปลายปีนี้  โดยเน้นขยายในย่านธุรกิจต่างจังหวัด คนสัญจรหนาแน่น ซึ่งปัจจุบันรายได้จากสื่อดิจิตอลยังเห็นผลไม่ชัดเจน เนื่องจากเพิ่มเริ่มขายสื่อดังกล่าวได้เพียง 1 เดือน  โดยคาดว่าหากขายพื้นที่ทั้งหมดจะมีรายได้  80-100 ล้าบาท ส่วนในปีหน้าจะเพิ่มรายได้เป็น 160-200 ล้าบาทสำหรับป้ายที่มีอยู่เดิม  แต่หากรวมป้ายใหม่ที่จะเพิ่มอีกอีก 30 จอ น่าจะเพิ่มได้อีก 100-150 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ  บริษัทได้เริ่มคุยกับพันธมิตรมา 2-3 ปีที่ผ่านมา  ซึ่งปัจจุบันเป็นตัวแทนขายสื่อให้กับบริษัทใน 7 ประเทศ ได้แก่ กลุ่มซีแอลเอ็มวี  ฟิลิปปินส์  อินโดนีเซีย และสิงค์โปร์  ซึ่งบริษัทได้ลงทุนสัดส่วน 40%  ร่วมกับบริษัท อายส์บอล แชแนล จำกัด  ของประเทศมาเลเซีย  ซึ่งได้ติดตั้งสื่อป้ายโฆษณาทางเข้าสนามบิน 4 ป้าย  โดยตลาดในมาเลเซียถือว่ามีอนาคต  เพราะมีการใช้เเงินในสื่อโฆษณาใกล้เคียงกับประเทศไทย  แม้ว่าจะต่ำกว่าเล็กน้อยก็ตามแต่ยังมีพื้นที่พัฒนาได้อีกมาก  ษริษัทจะมีโครงการใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น  ซึ่งจะทำให้มาเลเซียเป็นดาวรุ่งในอีก 2-3 ปีข้างหน้า