Aging 2.0 Bangkok Chapter ปลุกสตาร์ตอัพไทยสู่เวที Aging Society โลก

05 ส.ค. 2560 | 07:00 น.
สตาร์ตอัพเป็นเวทีการทำธุรกิจของคนรุ่นใหม่ที่กำลังถูกผลักดันอย่างมากจากภาครัฐบาล หนึ่งในรูปแบบสตาร์ตอัพที่น่าสนใจ และเมืองไทยยังมีเกิดขึ้นน้อยเหลือเกิน คือ สตาร์ตอัพเกี่ยวกับผู้สูงวัย ทั้งๆ ที่สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย (Aging Society) จากการสำรวจของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)พบว่า ในปี 2547 กลุ่มประชากรผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปเริ่มมีสัดส่วนมากกว่า 10% และเพิ่มขึ้นเป็น 11% หรือประมาณ 7 ล้านคนในปัจจุบัน ซึ่งคาดการณ์ว่า ในปี 2567 หรือในอีก 15 ปีข้างหน้า ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป จะมีสัดส่วนมากกว่า 20% ซึ่งจะเท่ากับสัดส่วนของกลุ่มเด็ก และในปี 2573 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของกลุ่มเด็ก หรือประมาณ 1 ใน 5 ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งจริงๆ ไม่เพียงแค่ประเทศไทย แต่ทั่วโลกก็ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแล้ว เพราะฉะนั้น การคิดค้นธุรกิจขึ้นมารองรับผู้สูงวัย จะกลายเป็นอาชีพที่น่าสนใจและทำรายได้อย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้

“คุณฝน - รสลิน นีรนาทโกมล” ตัวแทนที่ได้รับไลเซนส์จาก Aging 2.0 ในซิลิคอน วัลเลย์ สหรัฐอเมริกา เธอเกิดและโตที่อเมริกาโดยการเลี้ยงดูของคุณตาคุณยาย ทำให้มีความผูกพัน กับผู้สูงวัย จนเป็นแรงผลักดันให้เลือกเรียนทางด้านพฤฒาวิทยาและ เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ (Gerontology) ที่ UC Berkeley (University of California Berkeley) และต่อโทที่ University of Southern California (USC) นอกจากช่วยธุรกิจครอบครัวแล้ว ฝนยังเป็นอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ และนั่นทำให้เธอได้รู้จักกับ Aging 2.0 บริษัทที่ให้บริการบ่มเพาะนวัตกรหรือสตาร์ตอัพด้านผู้สูงวัยและสุขภาพ และยังเป็นหน่วยงานที่จัดเวทีประกวดสตาร์ตอัพด้านผู้สูงอายุระดับโลก โดยผู้ชนะ จะได้รับเงินทุน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.5 แสนบาท

“การที่แต่ละประเทศจะส่งผู้เข้าประกวดในเวทีนี้ได้ ต้องมีหน่วยงานที่ได้รับการรับรองจาก Aging 2.0 เป็นผู้ส่ง ฝนและเพื่อนจึงจัดตั้ง Aging 2.0 Bangkok Chapter ขึ้นมาทำหน้าที่สนับสนุนส่งสตาร์ตอัพของไทยไปประกวดในเวทีโลก โดยเราจะทำหน้าที่ให้ข้อมูล และกระตุ้นให้สตาร์ตอัพคนไทยหันมาสนใจเกี่ยวกับสังคมผู้วัย และจะทำการเปิดคัดเลือกผู้สนใจเข้าประกวด (pitch event) ประมาณมกราคม 2561”

ระหว่างนี้ “คุณฝน” จะจัดอีเวนต์เป็นงานสัมมนาให้ความรู้กับผู้สนใจไตรมาสละครั้ง โดยเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านสตาร์ตอัพ และสังคมผู้สูงวัยมาให้ความรู้ โดยร่วมกับ RISE Academy คอมมูนิตีซึ่งมีเป้าหมาย ในการสนับสนุนสตาร์ตอัพ ในการจัดสัมมนา โดยครั้งล่าสุดที่เพิ่งจัดไปคือ เดือนกรกฎาคม และครั้งต่อไปจะจัดในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

MP31-3284-2 สตาร์ตอัพที่สนใจ สามารถทำโปรเจ็กต์ได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Virtual Reality หรือ VR, Chatbot, Health Tech อะไรก็ได้ที่ทำเพื่อผู้สูงอายุ โดยใช้เงินลงทุนไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์ และต้องมี Prototype แล้ว หรืออาจจะมีลูกค้า และมีรายได้แล้วระดับหนึ่ง อย่างโปรเจ็กต์ที่เคยชนะที่ผ่านมา เช่น การทำเป็นวอลเกอร์ช่วยพยุงผู้สูงอายุ แต่มีการปรับตรงมือจับให้สามารถปรับระดับได้ ทำให้สามารถช่วยพยุงให้ผู้สูงอายุสามารถลุกขึ้นยืนเองได้ หรือสมาร์ทไลต์บ็อกซ์ หลอดไฟที่เป็นเซ็นเซอร์ สามารถติดตั้งในห้องนํ้า หากผู้สูงอายุเข้าห้องนํ้าแล้วไฟตัวนี้ติดนานเกินไป ก็จะมีสัญญาณส่งเตือนไปที่เครื่องรับ ให้คนในบ้านไปดู หรือโทร.ถาม ว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่า

“คุณฝน” บอกว่า เรื่องของสังคมผู้สูงวัยในต่างประเทศ อย่างที่สหรัฐอเมริกา รัฐบาลมีเงินสนับสนุน มีเงินทุนดูแล แต่สำหรับประเทศไทยเรายังไปไม่ถึงจุดนั้น เพราะฉะนั้น ถ้ามีธุรกิจด้านนี้มาช่วยก็จะดี เพราะมีเงินทุนรออยู่ คนที่ทำเรื่องบ่มเพาะ ก็ไปเข้าโปรแกรมกับ Aging 2.0 ได้ ซึ่งเรื่องนี้คนยังไม่รู้ เธอจึงเข้ามาทำหน้าที่ช่วยโปรโมตสตาร์ตอัพเกี่ยวกับผู้สูงอายุในสหรัฐอเมริกามีอยู่พอสมควร แต่ที่เมืองไทยยังมีแค่ Health At Home รายเดียว ทั้งๆ ที่ปริมาณผู้สูงอายุในเมืองไทยมีเพิ่มมากขึ้น

MP31-3284-3 การที่ “คุณฝน” เข้ามาลุยงานตรงนี้ เธอทำงานเหมือนจิตอาสา ใช้เงินทุนส่วนตัวในการจัดสัมมนา โดยมีพาร์ตเนอร์อย่าง RISE Academy ช่วยเรื่องสถานที่ แต่การจัดคัดเลือกผู้สนใจไปประกวดที่เวทีใหญ่ เธอต้องหาสถานที่ในการจัดงาน และสปอนเซอร์ช่วยสนับสนุน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ

“คุณฝน” บอกว่า โดยส่วนตัวยังไม่สนใจทำสตาร์ตอัพ แต่ความชอบส่วนตัวคือการดูแลผู้สูงอายุ สิ่งที่สนใจคือ การทำบ้านพักผู้สูงอายุ อนาคตไม่แน่ว่า เราอาจจะได้เห็นคนรุ่นใหม่วัย 32 ปีคนนี้ กลับมาทำอะไรให้กับผู้สูงวัยคนไทยมากกว่าที่เธอพยายามทำอยู่ตอนนี้ก็ได้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,284 วันที่ 3 -5 สิงหาคม พ.ศ. 2560