แบงก์คาด “ดอกเบี้ยสุทธิ”ครึ่งปีหลังวูบ เหตุความต้องการสินเชื่อจำกัด ขณะที่นโยบายลดซัพพลายบอนด์สกัดเก็งกำไรนักลงทุนต่างชาติ หนุนแข่งธนาคารระดมเงินฝาก
[caption id="attachment_131241" align="aligncenter" width="503"]
นริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) หรือ ทีเอ็มบี[/caption]
นายนริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบี เปิดเผยแนวโน้มอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) ว่า แนวโน้ม NIM มีโอกาสที่จะปรับลดลงจากครึ่งปีแรก เนื่องจากปัจจัยทิศทางการขยายตัวของสินเชื่อที่ยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มรายใหญ่ แม้จะมีต้นทุนไม่สูงแต่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยรับก็ค่อนข้างตํ่า
ขณะที่กลุ่มรีเทลที่มีหลักประกัน อาทิ สินเชื่อที่อยู่อาศัย ตลาดมีการลดราคาพิเศษหั่นดอกเบี้ยแข่งขันกัน เช่น อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3.5% ต่อปี ส่วนหนี้ไม่มีหลักประกัน เจอระเบียบใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่จะออกมา และลูกค้าเอสเอ็มอียังสะท้อนการเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอล ซึ่งจะมีผลต่อภาระกันสำรองฯของแบงก์ด้วย
ไตรมาส 2 ปี 2560 ธนาคารกรุงศรีอยุธยามี NIM สูงสุด 5.38% ส่วนตํ่าสุดคือ ธนชาต ที่ 3.06%
[caption id="attachment_184724" align="aligncenter" width="335"]
ปิยศักดิ์ มานะสันต์[/caption]
นายปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารเกียรตินาคิน กล่าวว่า แนวโน้มธนาคารจะหันไประดมเงินผ่านตลาดเงินแทนการระดมเงินฝากในระบบ ซึ่งยังทำให้สามารถประคอง NIM ในช่วงที่เหลือได้ เพราะหลังจากที่มีมาตรการลดการออกพันธบัตรธปท.ระยะสั้น 3 เดือนและ 6 เดือน เพื่อลดช่องทางการเข้ามาลงทุนหรือเก็งกำไรระยะสั้นของนักลงทุนต่างชาติ
ขณะเดียวกันยังดึงผลตอบแทนระยะสั้นตํ่าลงด้วยจึงเห็น 1-2 เดือนที่ผ่านมาธนาคารลดการระดมเงินฝากทั้งลดโปรโมชันพิเศษ งดแคมเปญเงินฝากประจำดอกเบี้ยพิเศษโดยหันมาระดมเงินตลาดเงินแทนทำให้ NIM ออกมาค่อนข้างดี
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,282 วันที่ 27 - 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2560