ปักหมุด 33 รร.ใหม่แบรนด์หรูยึดหัวหาด หนุนภูเก็ตสู่ไฮเอนด์

29 ก.ค. 2560 | 07:00 น.
ภูเก็ตเป็นหนึ่งในเดสติเนชันที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามามากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติมีไม่ตํ่ากว่า 10 ล้านคน สร้างรายได้ให้ภูเก็ตปีๆหนึ่งร่วม 3 แสนล้านบาท และยังคงมีแนวโน้มเติบต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ก็มีนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย เดินทางมาลงที่สนามบินภูเก็ตเพิ่มขึ้น 17% ในขณะที่ผู้โดยสารจีน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8% จาก 17 สายการบินตรงจากจีนมายังภูเก็ต มีส่วนแบ่งการตลาดคิดเป็น 2 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังสนามบินแห่งนี้

++เอกชนผุดโปรเจ็กต์ใหม่อื้อ
จากดีมานด์นักท่องเที่ยวที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ภูเก็ตจึงยังคงเป็นทำเลเนื้อหอม สำหรับการลงทุนทางด้านการท่องเที่ยวที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัล แห่งใหม่,โรงเรียนนานาชาติ BCIS ซึ่งจะเปิดภายในเดือนกันยายนนี้(จำนวนนักเรียน 1,100 คน ภายในปี 2561) รวมถึงเมกะโปรเจ็กต์ในพื้นที่อำเภอกะทู้ อย่างโครงการ Blue Pearl ของกลุ่มเดอะมอลล์

รวมถึงแผนการพัฒนาสวนนํ้าวานา นาวา ของพราวเรียลเอสเตท ที่จังหวัดภูเก็ตและการลงทุนบิ๊กโปรเจ็กต์ในพื้นที่กว่า 400 ไร่บนหาดกมลาอย่าง โครงการมอนท์เอซัวร์ซูเปอร์ไฮเอนด์มิกซ์ยูส, ที่รวมเอารีสอร์ตระดับ 5 ดาว บีชคลับคอนโดมิเนียมสุดหรู และที่อยู่อาศัยสำหรับวัยเกษียณไว้ด้วยกัน ซึ่งก็มีหลายโครงการในพื้นที่นี้ อาทิ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต, ไลฟ์สไตล์ ซีเนียร์ ลิฟวิ่ง, คาเฟ่เดล มาร์ ทวินปาล์มส์ เรสซิเด้นซ์มอนท์เอซัวร์

[caption id="attachment_184694" align="aligncenter" width="334"] ยบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ ซีไนน์โฮเทลเวิร์คส์ ยบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ ซีไนน์โฮเทลเวิร์คส์[/caption]

นอกจากนี้จากข้อมูลของ“ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส์” ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับโลกด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว ระบุว่า ในขณะนี้จังหวัดภูเก็ต มีโรงแรมใหม่ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน33 แห่งรวมห้องพักกว่า 5,738ห้อง ประกอบด้วยโรงแรมแบรนด์ระดับโลกที่สำคัญ เช่น เชอราตัน,อินเตอร์คอนติเนนตัล, พาร์คไฮแอท, เคมปินสกี้, รามาดา,โรสวูด (ตารางประกอบ) ที่เตรียมจะเปิดให้บริการช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงปี 2563

++แบรนด์รร.ต่างชาติรุกภูเก็ต
ต่อเรื่องนี้นายบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ ซีไนน์โฮเทลเวิร์คส์ ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับโลกด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว เผยว่า ทิศทางการลงทุนโรงแรมในภูเก็ต ส่วนมากเป็นการลงทุนโรงแรมภายใต้แบรนด์ต่างๆคิดเป็นสัดส่วน 77%และการลงทุนในโครงการมิกซ์ยูส เรสิเดนซ์ 36% ดังนั้นทิศทางของธุรกิจโรงแรมในภูเก็ต จะยกระดับให้ไฮเอนด์มากขึ้น ด้วยแบรนด์ระดับโลกมาลงทุนโดยเฉพาะ Rosewood จากสหรัฐอเมริกาโรงแรมซูเปอร์ลักชัวรีระดับโลกที่จะเข้ามาลงทุนแห่งแรกในประเทศไทย ที่ภูเก็ต ในอนาคตอันใกล้นี้เป็นนัยสำคัญอย่างยิ่ง

แม้จะมีจำนวนโรงแรมใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น แต่ด้วยการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเข้ามาในภูเก็ต (เกือบ 10% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560) ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้น 8% รัสเซียเพิ่มขึ้น 17% จึงไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิด Over Supply เกินไป เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามา

[caption id="attachment_184692" align="aligncenter" width="282"] ปักหมุด33รร.ใหม่แบรนด์หรูยึดหัวหาด หนุนภูเก็ตสู่ไฮเอนด์ ปักหมุด33รร.ใหม่แบรนด์หรูยึดหัวหาด หนุนภูเก็ตสู่ไฮเอนด์[/caption]

++จี้เร่งแก้ปัญหารร.เถื่อน
การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่ดี แต่คำถามคือพื้นที่จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของนักท่องเที่ยวและการลงทุนใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ซึ่งคุณบาร์เน็ต มองในอีกมุมว่า ปัจจุบันในภูเก็ตมีโรงแรมเถื่อนกว่า 1,295 แห่ง แต่กลับมีโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้อง 429 แห่ง นั่นหมายถึงมีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย
ปัจจัยที่ทำให้โรงแรมไม่ยอมจดทะเบียนให้ถูกต้อง ได้แก่1.การหลีกเลี่ยงภาษี 2.ข้อจำกัดสำหรับโรงแรมในแง่ของการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกระบวนการ EIA และ IEE กล่าวคือไม่ผ่านการประเมินนั่นเองและอีกประการหนึ่ง คือการเข้ามาของธุรกิจโรงแรมคอนโดมิเนียม (Condo Hotels) ซึ่งนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กำลังพยายามขายห้องที่มีสัญญาเช่าที่พักอาศัยแต่ไม่ได้สร้างโครงการตามมาตรฐานโรงแรม ขณะเดียวกันการลงทุนของโรงแรมของภาคเอกชนวิ่งแซงหน้าการทำงานของภาครัฐไปมาก

ดังนั้นภาครัฐ จึงต้องเร่งแก้ไขปัญหาโรงแรมเถื่อนในภูเก็ตเป็นสำคัญ เนื่องจากโรงแรมเถื่อนในจังหวัดภูเก็ต ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานในท้องถิ่นไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาษีของผู้ประกอบการ กล่าวคือ ในขณะที่ภาคเอกชนกำลังสร้างโรงแรมเพิ่มขึ้นแต่ไม่จดทะเบียนให้ถูกต้อง จึงไม่ต้องเสียภาษี ทำให้โครงการต่างๆ ที่รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณร่วม 6.8 หมื่นล้านบาทสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในภูเก็ตหลายโครงการ ซึ่งเอื้อต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างทางแนวใหม่บ้านสาคู-บ้านเกาะแก้ว, ทางด่วนข้ามเกาะ 12 เลนจากสนามบินไปยังศูนย์กลางเมืองภูเก็ต, รถ ไฟฟ้ารอบเกาะ, โครงการทางพิเศษ สายกะทู้-ป่าตอง, Water Taxi (เรือแท็กซี่) จากสนามบินไปยังโรงแรมในบริเวณอำเภอไม้ขาวอีกด้วยในอนาคตเป็นต้น

การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวพัฒนาการคมนาคมเหล่านี้ จะไม่ได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวเลย ท้ายที่สุดการเติบโตของการท่องเที่ยวในจังหวัดจะสวนทางกับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวภูเก็ตในอนาคต จึงถึงเวลาหรือยังที่ภาครัฐควรจะหันมาจริงจังในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ภูเก็ตได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวและการลงทุนใหม่ในพื้นที่ที่เกิดขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,282 วันที่ 27 - 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2560