แรงงาน แจง!พ.ร.ก. ‘60 ลูกจ้างต่างด้าวออกจากงาน นายจ้างต้องแจ้งนายทะเบียนฯ

23 ก.ค. 2560 | 22:00 น.
กระทรวงแรงงานแจง พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 กำหนดชัดเจนให้นายจ้างต้องแจ้งต่อนายทะเบียนในกรณีคนต่างด้าวที่ได้รับใบอนุญาตทำงานออกจากงาน ย้ำมาตรการผ่อนคลายแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ให้ลูกจ้างต่างด้าวเปลี่ยนนายจ้างได้ โดยต้องมีการตกลงกับนายจ้างเดิมก่อนหากมีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ แต่มิได้กำหนดไว้ว่านายจ้างใหม่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่ลูกจ้างต่างด้าวมีไว้กับนายจ้างเดิม  แนะ นำเข้าตามระบบ MOU เผยขณะนี้มีแรงงานเข้ามาเฉลี่ยวันละ 1,000 คน นำเข้าแล้วกว่า 190,000 คน

พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในกิจการประมงว่า รัฐบาลและกระทรวงแรงงานเห็นความสำคัญของแรงงานในภาคประมงที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงแรงงาน ได้มีการดำเนินการแก้ไขมาอย่างต่อเนื่อง โดยการเปิดจดทะเบียนผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจดทะเบียนและขออนุญาตทำงาน ซึ่งกิจการประมงได้เปิดให้จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวได้เป็นกรณีพิเศษแตกต่างจากกิจการอื่นๆ คือ เปิดให้จดทะเบียนได้ปีละสองครั้ง และล่าสุดได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2560 เห็นชอบให้แรงงานประมงที่ได้รับใบอนุญาตทำงานที่หมดในปี 2559 และหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 มาจดทะเบียนต่ออายุใบอนุญาตอีกครั้ง โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2560 และยังอำนวยความสะดวกให้กับนายจ้างและแรงงานต่างด้าว โดยให้แรงงานต่างด้าวสามารถเปลี่ยนไปทำงานกับนายจ้างรายอื่นได้ โดยสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด 22 จังหวัดชายทะเลในพื้นที่อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ทำงานปัจจุบันของแรงงาน อย่างไรก็ตาม หากยังมีการขาดแคลนแรงงานและประสงค์จะจ้างแรงงานต่างด้าวที่มีหนังสือเดินทางเข้ามาทำงาน นายจ้างในกิจการประมงสามารถดำเนินการได้ตามขั้นตอนการนำเข้าแรงงานอย่างถูกกฎหมายตามระบบ MOU ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ติดต่อกับกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะเมียนมา ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยทางการไทยพยายามลดขั้นตอนและติดต่อ CLMV อย่างใกล้ชิดแบบ G to G ซึ่งนายจ้างสามารถดำเนินการนำเข้าแบบ MOU ได้ตลอดเวลา ซึ่งขณะนี้มีแรงงานนำเข้าแบบ MOU เฉลี่ยวันละ 1,000 คน ล่าสุด ณ เดือนมิถุนายน 2560 มีแรงงานเข้ามาแล้วจำนวน 189,937 คน เป็นกัมพูชา 70,793 คน ลาว 21,534 คน เมียนมา 97,610 คน นายจ้าง จำนวน 14,271 ราย

[caption id="attachment_184056" align="aligncenter" width="503"] นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน[/caption]

ด้านนายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่าลูกจ้างประมงเปลี่ยนไปหานายจ้างใหม่ได้โดยนายจ้างเก่าไม่ต้องเซ็นยินยอมนั้นว่า ในพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 มีการกำหนดชัดเจนให้นายจ้างต้องแจ้งต่อนายทะเบียนในกรณีคนต่างด้าวที่ได้รับใบอนุญาตทำงานออกจากงาน แต่เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานจึงได้มีมาตรการผ่อนปรนให้ลูกจ้างต่างด้าวสามารถเปลี่ยนนายจ้างได้ โดยต้องมีการตกลงกับนายจ้างเดิมก่อนหากมีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ แต่มิได้กำหนดไว้ว่านายจ้างใหม่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่ลูกจ้างต่างด้าวมีไว้กับนายจ้างเดิม  ทั้งนี้ หากเป็นแรงงานที่นำเข้าตามระบบ MOU หลังวันที่ 16 สิงหาคม 2559 ให้เปลี่ยนนายจ้างได้ภายใต้ 5 เงื่อนไขคือ 1) นายจ้างเลิกจ้างหรือนายจ้างเสียชีวิต 2) นายจ้างล้มละลาย 3) นายจ้างกระทำทารุณกรรมหรือทำร้ายร่างกายลูกจ้าง 4) นายจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างหรือกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน 5) ลูกจ้างทำงานในสภาพการทำงานหรือสภาพแวดล้อมในการทำงานที่อาจทำให้ลูกจ้างได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพอนามัย

นายวรานนท์ กล่าวอีกว่า สำหรับแรงงานที่จดทะเบียนแล้วย้ายไปทำงานกับนายจ้างรายอื่นหรือประเภทกิจการอื่น นายจ้างในกิจการประมงจะต้องสร้างแรงจูงใจเพื่อรักษาแรงงานที่มีอยู่ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว โดยการจัดสภาพการจ้าง สภาพการทำงาน ชีวิตความเป็นอยู่ มีสวัสดิการดี ค่าตอบแทนดี และมีความมั่นคงในชีวิต จึงจะช่วยให้แรงงานไม่ย้ายหนีไปทำงานในกิจการอื่น ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด 22 จังหวัดชายทะเล หรือโทร.สายด่วนกรมการจัดหางาน 1694