สยามแก๊สจ่อเลิกซื้อก๊าซปตท.
สยามแก๊ส จ่อเลิกซื้อก๊าซแอลพีจีจากปตท.เล็งนำเข้าเอง 1 แสนตันต่อเดือน หลังพบราคานำเข้าแข่งขันกับราคาที่ผลิตในประเทศได้ มั่นใจมีกองเรือพร้อม ยันปล่อยลอยตัวแข่งขันรุนแรงแน่
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากนโยบายการปล่อยลอยตัวราคาแอลพีจีให้มีการแข่งขันอย่างเสรี ซึ่งจะเริ่มมีผลในวันที่ 1 สิงหาคม 2560 นั้น บริษัท จะติดตามสถานการณ์การแข่งขันของตลาดประมาณ 2-3 เดือน หากพบว่าการนำเข้าก๊าซแอลพีจีสามารถแข่งขันกับราคาที่ผลิตในประเทศได้ บริษัทพร้อมจะนำเข้าแอลพีจีเองทั้งหมดจากที่มียอดจำหน่ายอยู่ประมาณ 1 แสนตันต่อเดือน ซึ่งปัจจุบันบริษัทนำเข้า 4.4 หมื่นตันต่อเดือน หรือคิดเป็นประมาณ 45% ของยอดขายทั้งหมด ในขณะที่ประมาณ 6 หมื่นตันต่อเดือนยังซื้อจากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) อยู่
สำหรับแผนนำเข้าแอลพีจีเอง 100% นี้ เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมของกองเรือ 20 ลำ รถขนส่งกว่า 1 พันคัน คลังก๊าซกระจายอยู่ทั่วประเทศ และมีซัพพลายเออร์จากตะวันออกกลาง เช่น กาตาร์ และดูไบ พร้อมที่จะขายแอลพีจีให้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทใช้เรือขนาดใหญ่ 4.4 หมื่นตัน ในการนำเข้าแอลพีจีมาลอยลำที่บริเวณศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าเป็นเวลา 3 ปี ใช้เป็นคลังลอยนํ้า ห่างจากฝั่ง 3 ไมล์ทะเล ขนถ่ายแอลพีจีลงเรือเล็กกระจายไปยังคลังของบริษัทตามที่ต่างๆ โดยยืนยันว่าการดำเนินงานดังกล่าวมีความปลอดภัย และไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนแต่อย่างใด
“ราคาแอลพีจีภายหลังลอยตัวจะเป็นไปตามตลาดโลก ทำให้ราคาในประเทศและต่างประเทศอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ดังนั้น จึงมีโอกาสที่บริษัทจะนำเข้าเองทั้งหมด ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายแอลพีจีในประเทศ อยู่ที่ 1.05 ล้านตัน จากปีก่อน 1 ล้านตัน”
[caption id="attachment_183612" align="aligncenter" width="503"]
สยามแก๊สเลิกซื้อก๊าซปตท.[/caption]
นางจินตณา กล่าวอีกว่า ส่วนภาพรวมตลาดแอลพีจีในประเทศ คาดว่าจะมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มแอลพีจีขนส่ง ที่ผู้ค้าจะใช้กลยุทธ์ด้านราคา อาจทำให้รายเล็กๆ ล้มหายไปบ้าง อาจเหลือรายใหญ่ เช่นปตท. สยามแก๊ส และดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ ที่ยังสามารถแข่งขันได้
สำหรับการขยายตลาดต่างประเทศนั้น กำลังพิจารณาลงทุนคลังแอลพีจี ท่าเรือ และโรงบรรจุแอลพีจี ในตลาดเมียนมา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีโครงการลงทุนที่จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม แต่โครงการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการศึกษาจึงยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 4 ปีนี้
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยว่า การนำเข้าแอลพีจีของสยามแก๊สประมาณ 4.4 หมื่นตันต่อเดือน เข้ามาแข่งขันกับผู้ค้ารายใหญ่อย่างปตท.ทำให้การรับซื้อก๊าซแอลพีจีจากโรงกลั่นนํ้ามันต้องลดลง หรือผลิตเหลือต้องนำไปส่งออกแทนในระดับ 1 หมื่นตันต่อเดือน
อีกทั้ง ปตท.ไม่มีแผนการนำเข้าแอลพีจีมาจำหน่ายในประเทศ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป จากเดือนกรกฎาคมนำเข้ามาขาย 7 พันตันต่อเดือน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าการนำก๊าซแอลพีจีเข้ามาแข่งขันในราคาที่ตํ่ากว่าผลิตในประเทศ เริ่มมีผลทำให้ก๊าซแอลพีจีเหลือเพื่อส่งออกแล้ว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,281 วันที่ 23 - 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากนโยบายการปล่อยลอยตัวราคาแอลพีจีให้มีการแข่งขันอย่างเสรี ซึ่งจะเริ่มมีผลในวันที่ 1 สิงหาคม 2560 นั้น บริษัท จะติดตามสถานการณ์การแข่งขันของตลาดประมาณ 2-3 เดือน หากพบว่าการนำเข้าก๊าซแอลพีจีสามารถแข่งขันกับราคาที่ผลิตในประเทศได้ บริษัทพร้อมจะนำเข้าแอลพีจีเองทั้งหมดจากที่มียอดจำหน่ายอยู่ประมาณ 1 แสนตันต่อเดือน ซึ่งปัจจุบันบริษัทนำเข้า 4.4 หมื่นตันต่อเดือน หรือคิดเป็นประมาณ 45% ของยอดขายทั้งหมด ในขณะที่ประมาณ 6 หมื่นตันต่อเดือนยังซื้อจากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) อยู่
สำหรับแผนนำเข้าแอลพีจีเอง 100% นี้ เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมของกองเรือ 20 ลำ รถขนส่งกว่า 1 พันคัน คลังก๊าซกระจายอยู่ทั่วประเทศ และมีซัพพลายเออร์จากตะวันออกกลาง เช่น กาตาร์ และดูไบ พร้อมที่จะขายแอลพีจีให้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทใช้เรือขนาดใหญ่ 4.4 หมื่นตัน ในการนำเข้าแอลพีจีมาลอยลำที่บริเวณศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าเป็นเวลา 3 ปี ใช้เป็นคลังลอยนํ้า ห่างจากฝั่ง 3 ไมล์ทะเล ขนถ่ายแอลพีจีลงเรือเล็กกระจายไปยังคลังของบริษัทตามที่ต่างๆ โดยยืนยันว่าการดำเนินงานดังกล่าวมีความปลอดภัย และไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนแต่อย่างใด
“ราคาแอลพีจีภายหลังลอยตัวจะเป็นไปตามตลาดโลก ทำให้ราคาในประเทศและต่างประเทศอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ดังนั้น จึงมีโอกาสที่บริษัทจะนำเข้าเองทั้งหมด ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายแอลพีจีในประเทศ อยู่ที่ 1.05 ล้านตัน จากปีก่อน 1 ล้านตัน”
[caption id="attachment_183612" align="aligncenter" width="503"]
นางจินตณา กล่าวอีกว่า ส่วนภาพรวมตลาดแอลพีจีในประเทศ คาดว่าจะมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มแอลพีจีขนส่ง ที่ผู้ค้าจะใช้กลยุทธ์ด้านราคา อาจทำให้รายเล็กๆ ล้มหายไปบ้าง อาจเหลือรายใหญ่ เช่นปตท. สยามแก๊ส และดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ ที่ยังสามารถแข่งขันได้
สำหรับการขยายตลาดต่างประเทศนั้น กำลังพิจารณาลงทุนคลังแอลพีจี ท่าเรือ และโรงบรรจุแอลพีจี ในตลาดเมียนมา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีโครงการลงทุนที่จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม แต่โครงการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการศึกษาจึงยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 4 ปีนี้
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยว่า การนำเข้าแอลพีจีของสยามแก๊สประมาณ 4.4 หมื่นตันต่อเดือน เข้ามาแข่งขันกับผู้ค้ารายใหญ่อย่างปตท.ทำให้การรับซื้อก๊าซแอลพีจีจากโรงกลั่นนํ้ามันต้องลดลง หรือผลิตเหลือต้องนำไปส่งออกแทนในระดับ 1 หมื่นตันต่อเดือน
อีกทั้ง ปตท.ไม่มีแผนการนำเข้าแอลพีจีมาจำหน่ายในประเทศ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป จากเดือนกรกฎาคมนำเข้ามาขาย 7 พันตันต่อเดือน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าการนำก๊าซแอลพีจีเข้ามาแข่งขันในราคาที่ตํ่ากว่าผลิตในประเทศ เริ่มมีผลทำให้ก๊าซแอลพีจีเหลือเพื่อส่งออกแล้ว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,281 วันที่ 23 - 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560