นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบัน ปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) ให้มุมมองกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางนักการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดีทุจริตจำนำข้าว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนัดตัดสินคดี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก" ในคดีทุจริตระบายข้าว(จีทูจี) ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ว่า ขณะนี้มาถึงทางแพ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องตัดสินใจแล้วว่าทีมทนาย ทีมเสธฯ ที่ใกล้ตัวต้องวิเคราะห์แล้วว่า หลังแถลงปิดคดีวันที่ 1 สิงหาคมนี้ จะสู้คดีต่อ หรือจะใช้วิธีแบบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพี่ชายหลบไปนอกประเทศ ก็ต้องคิดมากขึ้น เพราะเงื่อนไขใหม่ของกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฉบับที่พิจาณาอยู่ไม่นับอายุความแล้ว ทั้งสามารถพิจารณาลับหลังได้ หนักมากถ้าจะหนี แต่ถ้าจะสู้คดีต่อก็มีเความเสี่ยงว่าคำพิพากษาจะออกอย่างไร จึงยากที่จะคาดการณ์
อย่างไรก็ดีสิ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องคิดในมิติที่เลวร้ายที่สุดว่าพร้อมที่จะติดคุกหรือไม่ ทั้งมวลชนบางส่วนยุยงให้รับผิด รับโทษ จองจำถ้าศาลลงโทษ แต่ก็มีคำถามว่าในทางปฎิบัติไม่ง่าย เพราะคนยุยงให้คิด ไม่ใช่คนติด เรื่องติดคุกไม่ใช่เรื่องสนุกสนาน อีกแง่หนึ่งศาลจะยกฟ้องหรือลงโทษอาญาหรือไม่ คาดการณ์ยาก ต้องยอมรับว่าเรื่องทุจริตจำนำข้าวเป็นเรื่องฉาวโฉ่เพราะหลักฐานค่อนข้างชัด
“ผมสนใจวันที่ 25 สิงหาคม นี้หลังศาลตัดสินเพราะไม่มีเฉพาะกรณีคุณยิ่งลักษณ์ แต่มีกรณีคุณบุญทรงด้วย รวมทั้งมีแพะอีกหลายคน หลังวันพิพากษาไม่ว่าจะออกมาอย่างไร คิดว่าต้องมีปฎิกิริยาไม่มากก็น้อย จะยกหรือรอลงอาญาก็มีคำถามจากทุกฝ่าย สุดท้ายที่เป็นระเบิดเวลาทางการเมืองลูกหนึ่งที่ฝ่ายความมมั่นคง และคสช.ต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเหนือความคาดหมาย อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโรดแมปวันเลือกตั้ง หรือโรดแมปที่วางไว้ในรัฐธรรมนูญก็ได้ ”
นายสุริยใส กล่าวอีกว่า เรามักจะมองโรดแมปตามรัฐธรรมนูญเกินไป โดยไม่ดูปัจจัยที่อยู่นอกรัฐธรรมนูญ เฉพาะความขัดแย้งและคดีความทางการเมือง มันคาดการณ์ไม่ได้ มันอาจจะเกิดอาฟเตอร์ช็อค จุดเปลี่ยน หรือจุดหักเหของโรดแมปนี้ในที่สุดก็ได้ ไม่ว่าจะจะออกทางใดก็จะเป็นระเบิดทางการเมืองที่จะเป็นบทพิสูจน์ศักยภาพของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการจัดการบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง
ด้านนายตระกูล มีชัย อดีตอาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า ช่วงนี้จนถึง 1สิงหาคม นางสาวยิ่งลักษณ์คงไปไหนไม่ได้ เพราะต้องรอดูวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแถลงปิดคดี ในกรณียื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงต้องมีหลักฐานเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ถ้านางสาวยิ่งลักษณ์จะไปก็ยังไปได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่า หลังแถลงปิดคดี 1สิงหาคม แล้วอาจรู้ระแคะระคายเป็นการภายในว่าอย่างไรบ้าง ถ้าอยู่จนถึงวันพิพากษาแสดงว่าไม่โดน ดูจากตรงนี้ง่ายๆ เพราะคนระดับนี้คงไม่ยอมเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้น
“ถ้า 25 สิงหาคม นี้นางสาวยิ่งลักษณ์มาฟังคำพิพากษา ก็อาจอยู่ต่อสู้ต่อ แต่ถ้าไม่ฟังคำพิพากษาแสดงว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ แน่ใจแล้วจะเกิดอะไรขึ้น” นายตระกูลกล่าว