ทาทา มอเตอร์ส หนุนดีลเลอร์เต็มกำลัง เล็งจัดเต็มผลิตภัณฑ์ พร้อมสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง

22 ก.ค. 2560 | 04:34 น.
นายซานเจย์ มิชรา กรรมการผู้จัดการบริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพลักษณ์ของแบรนด์ ทาทา มอเตอร์ส ดีขึ้นมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ผลการดำเนินงานของทาทา ในปีงบประมาณที่ผ่านมา เติบโตขึ้น 20% และในกลุ่มของรถกระบะขนาด 1 ตันโตขึ้นประมาณ 40% โดยไม่รวมกระบะขนาดเล็ก ทาทา ซูเปอร์เอซ มินท์ (Super Ace Mint)

TATA 0450

"ยอดจำหน่ายและการเติบโตขึ้นในตลาดของ ทาทา มอเตอร์ส ในปีงบประมาณที่ผ่านมาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า แบรนด์ของเราได้รับการยอมรับ ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้ามากขึ้น คือ ผลจากการสำรวจความเชื่อมั่นในแบรนด์รถกระบะของคนไทย แบรนด์ทาทา มอเตอร์ส ถูกจัดอยู่ในอันดับ 7 ซึ่งมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น จากเดิมที่อยู่ในอันดับ 8 จากทั้งหมด 10 แบรนด์ที่จำหน่ายรถกระบะในตลาด”

TATA 0242

นายซานเจย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทาทาจะไม่หยุดพัฒนา และพร้อมเสริมศักยภาพในทุกๆ ด้าน เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ลงตลาด ที่จะทำให้ผู้จำหน่ายมีสินค้าใหม่มานำเสนอให้กับลูกค้าได้มากขึ้น โดยในช่วงต้นปีเพิ่งเปิดตัว รถบรรทุก 6 ล้อ ทาทา อัลทรา (Ultra) และภายในปีนี้จะนำ อัลทรา รุ่นย่อยมาเพิ่มเติมอีก

"ประเทศไทยเป็นตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่ง ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ก็พร้อมที่จะเสริมผลิตภัณฑ์รถเพื่อการพาณิชย์เพื่อตอบสนองการใช้งานของลูกค้าในทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับเป้าหมายหลักของ ทาทา มอเตอร์ส (อินเดีย) บริษัทแม่ที่ต้องการผลักดันให้ทาทา มอเตอร์ส เป็นผู้ผลิตอันดับ 3 ของโลก ในกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ในปัจจุบันเราอยู่ในอันดับที่ 4 และ 5 ในส่วนของรถบัสและรถบรรทุก"

ทางด้านกลยุทธ์การตลาด ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย มีการปรับกลยุทธ์ให้แข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่วางเป้าหมายจะให้มีสินค้าครบในทุกเซ็กเมนท์ การปรับกลยุทธ์ด้านราคาและโปรโมชั่นที่ทำให้ผู้จำหน่ายสามารถแข่งขันในตลาดได้ รวมทั้งตอบสนองลูกค้าให้สามารถเป็นเจ้าของรถทาทา ในราคาที่คุ้มค่าคุ้มราคา ประหยัดต้นทุนได้มากที่สุด

ในส่วนของโครงสร้างอะไหล่ชิ้นส่วนต่างๆ  ค่ามาตรฐานของการมีอะไหล่พอเพียงในอุตสาหกรรมรถยนต์อยู่ที่ 92% ในขณะที่ค่ามาตรฐานของ ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย อยู่ที่ 95% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันที และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการสร้างความแข็งแกร่งด้านบริการหลังการขาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ก็เพิ่งพัฒนารถโมบายเซอร์วิสรุ่นใหม่ออกมา เพื่อให้บริการลูกค้านอกสถานที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ส่วนแผนการย้ายสถานที่ประกอบรถยนต์ทาทา ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการขนย้ายเครื่องจักรเพื่อไปติดตั้ง ณ โรงงานแห่งใหม่ และบริษัทฯ ก็ใช้โอกาสนี้ในการปรับปรุง ยกระดับคุณภาพ และความสามารถในการประกอบรถยนต์ ทาทา ซีนอน รวมทั้งจะประกอบรถ ทาทา ซูเปอร์เอซ มินท์ ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก  และจะเป็นโรงงานประกอบที่สามารถรองรับการผลิตที่จะขยายมากขึ้นในอนาคต