คอนโดฯสายสีม่วงระอุ จัดโปรแรงดึงกำลังซื้อรับเชื่อมต่อรถไฟฟ้า

25 ก.ค. 2560 | 00:00 น.
ผู้ประกอบการเร่งปั๊มแคมเปญละลายสต๊อกแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง หวังดึงกำลังซื้อก่อนเปิดเชื่อมต่อช่วงบางซื่อ-เตาปูน 11 สิงหานี้ ศุภาลัยเผยสินค้าเหลือขายไม่มาก คาดแม้เชื่อมต่อก็ไม่เอื้อตลาดโตมากนักเพอร์เฟคเตรียมส่งโปรโมชัน “แพ็กคู่สุดคุ้ม”

รถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางซื่อ-บางใหญ่) ถือเป็นเส้นทางตัวอย่างของการขนส่งผู้โดยสารจากพื้นที่นอกเมืองสู่ใจกลางเมือง ทำให้บรรดาดีเวลลอปเปอร์ต่างเข้าไปชิงพื้นที่ พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ด้วยคาดหวังว่าจะมีอัตราการเติบโตเช่นเดียวกับสายสีเขียวและสีนํ้าเงินที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน แต่กลับพบว่ามีมากเกินไปจนเกิดภาวะ “โอเวอร์ซัพพลาย” อีกทั้งเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงเฟสแรกที่เปิดบริการ ยังไม่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีนํ้าเงิน บางซื่อ-หัวลำโพง ที่สถานีบางซื่อ ซึ่งผลของการขาดหายไป 1 สถานี กระทบถึงจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการ และการขายที่อยู่อาศัยแนวรถไฟฟ้าด้วย

หลังจากรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเดือนสิงหาคมนี้ การเดินทางสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงิน ไม่ต้องต่อรถชัตเติ้ลบัสอีกต่อ ปลุกตลาดอสังหาฯ ตลอดแนวให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง อัดโปรโมชันหนักๆ ระบายสต๊อกอย่างเต็มที่

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทถือเป็นผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่มีโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงมากที่สุดคือ 7 โครงการ มูลค่ารวม 15,300 ล้านบาท โดยก่อสร้างแล้วเสร็จไปแล้ว 6 โครงการ มูลค่าร่วม 13,000 ล้านบาท มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 88%

โดยโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างคือ โครงการ ศุภาลัย เวอแรนด้า รัตนาธิเบศร์ เป็นอาคารชุดพักอาศัยสูง 33 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้องพักอาศัย 1,054 หน่วย มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท ซึ่งเปิดขายเมื่อปี 2557 ปัจจุบันมียอดขายที่ประมาณ 30% หรือคิดเป็นมูลค่าที่ 800 ล้านบาท

“พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง แม้อัตราการดูดซับจะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ด้วยสินค้าในตลาดมีจำนวนมาก ทำให้ยังคงมีสินค้าเหลือในปริมาณมาก คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปีจึงจะระบายสินค้าเหล่านี้ได้หมด ในกรณีที่สินค้าเปิดขายใหม่ลงสู่ตลาดไม่มาก ในส่วนของศุภาลัยเข้ามาทำตลาดก่อน จึงได้กำลังซื้อในช่วงแรก แม้ในระยะหลังยอดขายจะชะลอตัวก็ตาม” นายไตรเตชะ กล่าว

MP33-3281-A ารเชื่อมต่อสถานีเตาปูนและสถานีบางซื่อเข้าด้วยกัน ถือเป็นเรื่องดีที่จะช่วยให้การเดินทางของประชาชนสะดวกมากขึ้น แต่จะถือว่าเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ยอดขายดีขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังมือคงไม่ใช่ อาจจะทำให้ตลาดเติบโตได้เพียง 5-10% เท่านั้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและความเข้มงวดของสถาบันการเงินยังคงดำเนินอยู่

ด้าน นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดคอนโด มิเนียมแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงยังคงอยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลาย แต่ยังดีที่มีโครงการเปิดขายใหม่ในพื้นที่ไม่มาก ทำให้สต๊อกเหลือขายค่อยๆ ถูกระบายออกไป ในส่วนของบริษัทพัฒนา 2 โครงการ คือ เมโทร สกาย ประชาชื่น อาคารสูง 3 อาคาร จำนวน 1,356 หน่วย และ เมโทร ลักซ์ ริเวอร์ฟรอนท์ รัตนาธิเบศร์ อาคารสูง 8 ชั้น 6 อาคาร จำนวน 822 หน่วย ปัจจุบันทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการพร้อมอยู่และมียอดขายที่ประมาณ 50% และเพื่อเป็นการเร่งขายหน่วยเหลือขาย บริษัทจึงจัดโปรโมชัน “แพ็กคู่สุดคุ้ม” ซื้อห้องแรกในราคาพิเศษ และส่วนลดอีกประมาณ 20-25% สำหรับห้องที่ 2

นายณัฏฐพร กลั่นเรืองแสง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานกลยุทธ์ธุรกิจ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ยอดขายของโครงการ เดอะ สเตจ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ ในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมนี้ มียอดขายแบบก้าวกระโดด จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 10-15 หน่วยต่อเดือน เป็น 30 หน่วยต่อเดือน แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมามองที่อยู่อาศัยในพื้นที่แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงมากขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,281 วันที่ 23 - 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560