‘หัวเว่ย’ลั่น! 3 ปีแชมป์สมาร์ทโฟนไทย

26 ก.ค. 2560 | 07:14 น.
ปีที่ผ่านมาสมาร์ทโฟน “หัวเว่ย” เป็นแบรนด์ที่มียอดการเติบโตร้อนแรงสุดในตลาด “ฐานเศรษฐกิจ” ฉบับนี้ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “ทศพร นิษฐานนท์” ผู้บริหารไทยคนแรกของหัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการ ถึงกลยุทธ์ความสำเร็จและเป้าหมายธุรกิจ ท่ามกลางการแข่งขันของตลาดสมาร์ทโฟนที่รุนแรง
จุดเริ่มความสำเร็จ

โดย “ทศพร” กล่าวว่าหัวเว่ยสามารถก้าวขึ้นมาครองส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 3 ของตลาดสมาร์ทโฟนในไทยตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยเป็นแบรนด์ที่มียอดการเติบโต 3 เท่า เติบโตสูงสุดในตลาด ซึ่งจุดเริ่มต้น?ความสำเร็จมาจากความเป็นแบรนด์ระดับโลก โดยปีที่ผ่านมาสามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 ของสมาร์ทโฟนกลุ่มแอนดรอยด์โฟนรองจากซัมซุง มียอดขายในแง่ยูนิต 139 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้น 29%

[caption id="attachment_183242" align="aligncenter" width="336"] ทศพร นิษฐานนท์ ทศพร นิษฐานนท์[/caption]

ทั้งนี้เป็นผลมาจากบริษัทแม่มีการทุ่มงบลงทุนวิจัยและพัฒนาสูงถึง 10% ของรายได้ ทำให้เกิดโปรดักต์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ต่างจากคู่แข่งในตลาด โดยมีสิทธิบัตร 16,000 สิทธิบัตร ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยี 5 จี ที่ทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน นอกจากนี้บริษัทลูกของหัวเว่ยยังเป็นผู้พัฒนาหน่วยประมวลผล “คีริน” ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง นอกจากนี้ยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรระดับโลก อาทิ ไลก้า ในการพัฒนากล้อง และสถาบันสี แพนโทน ผู้นำด้านสีสันระดับโลกสร้างสีพิเศษขึ้นมา

ตั้งแต่สมาร์ทโฟน หัวเว่ย ตระกูลพี ซีรีส์ และเมท ซีรีส์ ซึ่งสมาร์ทโฟนกลุ่มพรีเมียม แบรนดิ้งหัวเว่ยเติบโตขึ้น ได้รับการยอมรับและเข้าไปสู่รายชื่อแบรนด์ทรงอิทธิพล ในปี 2559 หัวเว่ยได้รับการจัดให้อยู่อันดับ 72 ในรายชื่อ 100 Best Global Brands ของ Interbrand และได้อันดับ 50 ใน BrandZ Top 100 Most Valuable Global Brands

++หัวเว่ย พี 9 ฮีโร่โมเดล
ส่วนในไทยนั้นภายหลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารหัวเว่ยคอนซูเมอร์บิสสิเนส ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559 เป็นช่วงเปิดตัวหัวเว่ยพี 9 ซึ่งถือเป็นฮีโร่โมเดลที่ได้รับการตอบรับจากตลาดดี สามารถทำให้ตลาดเกิดการรับรู้สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมไม่ได้มีแค่ 2 แบรนด์

หลังจากนั้นก็เริ่มเข้ามาสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เริ่มจากการดึงผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจตลาดสมาร์ทโฟนเข้ามา ทั้งนาย ชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา จากซัมซุงเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) หรือ นายณัฐวัชร์ วรนพกุล อดีตผู้บริหารสมาร์ทโฟนเอชทีซี เข้ามาดูแลฝ่ายขาย โดยหลังจากเข้ามาดูแลบุคลากรเพิ่มขึ้นมา 1 เท่าตัว

นอกจากนี้ยังได้เพิ่มช่องทางจำหน่ายจากเดิม 500 ร้านค้า เป็น 8,000 ร้านค้า และเพิ่มเป็น 10,000 ร้านค้า ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถสัมผัสสินค้าหัวเว่ยได้ง่ายขึ้น หลังจากนั้นได้เข้ามาพัฒนาเรื่องบริหารหลังการขาย โดยหัวเว่ย พี ซีรีส์ และเมท ซีรีส์ ถือเป็นแบรนด์ที่มีบริการหลังการขายดีที่สุดในไทย ซึ่งมีบริการไดมอนด์เซอร์วิส ทั้งบริการซ่อมภายใน 1 ชั่วโมง ถ้าซ่อมไม่เสร็จเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ทันที, บริการส่วนลดอะไหล่, บริการเปลี่ยนจอให้หากเกิดปัญหาจอแตกใน 3 เดือนแรก รวมไปถึงการขยายเวลารับประกันเพิ่มเป็น 2 ปี เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีบริการรับส่งเครื่องมาซ่อม

++ขึ้นเบอร์1 ใน 3 ปีข้างหน้า
นายทศพร กล่าวต่อไปอีกว่า 5 เดือนแรกที่ผ่านมาสมาร์ทโฟนแบรนด์หัวเว่ยมีการเติบโตต่อเนื่องบางเดือนมีส่วนแบ่งขึ้นเป็นอันดับ 2 ของตลาด ส่วนครึ่งปีหลังได้วางแผนการตลาดเชิงรุกต่อเนื่อง โดยจะทุ่มงบการตลาดมากขึ้น ซึ่งสามารถดึงงบประมาณของกลุ่มธุรกิจอื่นมาใช้สร้างแบรนด์ได้ โดยมีแผนมุ่งทำตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง ราคา 5000-15,000 บาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง ควบคู่กันนั้นยังคงเน้นการทำตลาดสมาร์ทโฟนกลุ่มพรีเมียม โดยในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลาง มีโปรดักต์ตระกูลจีอาร์ เป็นหัวหอกการทำตลาด ส่วนสมาร์ทโฟนกลุ่มพรีเมียมนั้นจะมีการเปิดตัวหัวเว่ยตระกูลพี ซีรีส์ เพิ่มอีก 1 รุ่น โดยใน 3 ปีข้างหน้านั้นตั้งเป้าหมายผลักดันสมาร์ทโฟนหัวเว่ยขึ้นเป็นอันดับ 1 ในไทย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,281 วันที่ 23 - 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560