พาณิชย์จัดใหญ่ ASEAN-India Expo & Forum ฉลองสัมพันธ์ 25 ปี

21 ก.ค. 2560 | 11:25 น.
วาระครบรอบ 25 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและอินเดีย รวมทั้งการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและอินเดียครบรอบ 70 ปี รัฐบาลไทยโดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร จับมือ 9 ประเทศสมาชิกอาเซียนและอินเดีย เตรียมจัดงาน ASEAN-India Expo and Forum ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 2-5 สิงหาคมศกนี้ เพื่อการเชื่อมโยง กระตุ้น และขยายโอกาสทางเศรษฐกิจระหว่าง 10 ชาติสมาชิกอาเซียนและอินเดีย ให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

20170721_112511

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ขณะให้สัมภาษณ์สื่อ

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อาเซียนกับอินเดียเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2535 และต่อมาได้ยกระดับความสัมพันธ์สู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ( Strategic Partnership) ในปี 2555 นับเป็นการจับคู่ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพเนื่องจากต่างฝ่ายต่างมีวัตถุดิบและทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อีกทั้งหากรวมจำนวนประชากรเข้าด้วยกันแล้วก็จะกลายเป็นตลาดใหญ่ที่มีผู้บริโภคมากกว่า 2,000 ล้านคน ปัจจุบันอาเซียนและอินเดียจึงสามารถสร้างห่วงโซ่แห่งคุณค่า (value chain) ในระดับภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพและศักยภาพ เต็มไปด้วยโอกาสที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน

“การลงทุนและการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวก็จะเป็นอีกประเด็นสำคัญในงานนี้ เราได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากอินเดียเพิ่มมากขึ้นทุกปี ฉะนั้นในส่วนของฟอรั่มหรือการสัมมนา (forum) เราคงได้ฟังมุมมองของนักธุรกิจว่าต้องการให้ภาครัฐอำนวยความสะดวกหรือสนับสนุนอย่างไรบ้าง”

นอกจากส่วนของการสัมมนาที่จะประกอบด้วยเวทีอภิปรายและเสวนาโต๊ะกลมในหัวข้อด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวโดยวิทยาการที่เป็นผู้แทนระดับสูงจากภาครัฐและเอกชนของประเทศสมาชิกและอินเดียแล้ว งาน ASEAN-India Expo and Forum ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก Strategic Economic Partnership & Connectivity ยังประกอบด้วยอีกส่วนเป็นงาน Expo จัดแสดงศักยภาพด้านการค้าและบริการของ 10 ชาติสมาชิกอาเซียนและอินเดียภายใต้แนวคิด Creative and Digital ซึ่งจะมีบูธจัดแสดงสินค้าและบริการมากกว่า 200 บูธ และจะมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทขนาดใหญ่จากอาเซียนและอินเดียเข้าร่วมงานกว่า 150 บริษัท

stage

ด้านนางวรรณภรณ์ เกตุทัต รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า ภาครัฐมีมาตรการเชิงรุกเจาะเข้าสู่เมืองต่างๆที่เป็นเป้าหมาย (City Focus)ในอินเดียมากขึ้น เช่นรัฐเจ็ดสาวน้อยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียที่ติดกับชายแดนเมียนมาและจะกลายเป็นจุดเชื่อมต่อกับไทยทางถนนในไม่ช้า อาทิ รัฐอัสสัม รัฐมณีปุระ ฯลฯ “เรามองครอบคลุมทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ขณะที่ทุนไทยเข้าไปลงทุนในอินเดีย เราก็ชักชวนบริษัทอินเดียเข้ามาลงทุนในไทยด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการจัดงานโปรโมทสินค้าไทย เช่น งาน Top Thai Brands ตามเมืองต่างๆของอินเดียเพราะเรามองว่าอินเดียสามารถเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตของผู้ประกอบการไทยได้ เราสามารถจับมือกันเพื่อช่วยกันผลิต ช่วยกันขายและส่งออกสินค้าไปทั่วโลก เป้าหมายเพื่อจะได้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ไม่มีการทิ้งใครไว้เบื้องหลัง”

 

sanun

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาธุรกิจไทย-อินเดีย รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้แทนเอกชน กล่าวว่า อินเดียเป็นตลาดใหญ่ที่ไทยไม่อาจมองข้าม ยังมีช่องทางอีกมากมายสำหรับผู้ประกอบการไทยในตลาดอินเดีย เช่น ธุรกิจด้านการแปรรูปอาหาร การท่องเที่ยว และธุรกิจด้านบริการ ในส่วนของศรีไทยซุปเปอร์แวร์เองก็เป็นกลุ่มทุนไทยรายหนึ่งที่เข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตในรัฐคุชราฐของอินเดียเนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพของผู้บริโภคที่มีชนชั้นกลางเป็นจำนวนมหาศาล “ผมมองว่าเราต้องปรับตัว และทำความเข้าใจกับอินเดียให้มากขึ้น ซึ่งเวที ASEAN-India Expo and Forum จะช่วยให้เราเข้าใจอินเดียเพราะเราจะมีโอกาสได้รับฟังและเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์ตรงและผู้ที่รอบรู้จริงๆ” ประธานสภาธุรกิจไทย-อินเดีย กล่าวว่า การเชื่อมโยง หรือ connectivity ไม่ได้หมายถึงเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหรือโลจิสติกส์ แต่หมายรวมถึงการเชื่อมโยงและประชาชน และผู้ประกอบการของทั้งสองฝ่าย “เมื่อมีการเชื่อมโยง (connectivity) แล้ว เดี๋ยวการจับมือเป็นหุ้นส่วน (partnership) ก็จะตามมาเอง”