ทูตอินเดียเผยทางหลวงไตรภาคี “โมเรห์-แม่สอด”รุดหน้า คาดแล้วเสร็จ 2019
นายบัควันท์ ซิงห์ บิชนอย เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า โครงการทางหลวง “ไตรภาคี” เชื่อมอินเดีย เมียนมา และไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเชื่อมโยงอินเดียเข้ากับอาเซียน (ASEAN-India Connectivity) นั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงและก่อสร้าง คาดว่าทุกอย่างน่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2019 (พ.ศ. 2562)
นายบัควันท์ ซิงห์ บิชนอย เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย
ทั้งนี้ เส้นทางดังกล่าวระยะทางรวม 1,600 กิโลเมตร เริ่มจากเมืองโมเรห์ เมืองชายแดนของแคว้นมณีปุระของอินเดีย ผ่านเข้าสู่ประเทศเมียนมา มาถึงเมืองมัณฑเลย์ เมืองใหญ่อันดับสามของเมียนมา ผ่านเมืองย่างกุ้ง จากนั้นจะต่อมาจนถึงอำเภอแม่สอด จังหวัดตากของไทย “ในระยะทาง 250 กิโลเมตรแรกจากอินเดียเข้ามายังเมืองชายแดนเมียนมานั้น มีสะพานต่างๆอยู่ในเส้นทางถึง 70 สะพาน ล้วนเป็นสะพานเก่าแก่ที่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อให้สามารถใช้งานได้ดี ในส่วนนี้รัฐบาลอินเดียจะเป็นผู้ออกทุนสนับสนุนการซ่อมบำรุงทั้งหมด” เอกอัครราชทูตอินเดียยังกล่าวต่อไปว่า ทางหลวงไตรภาคีส่วนที่อยู่ในดินแดนเมียนมาจะแบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกัน รับผิดชอบการก่อสร้างและซ่อมแซมโดยอินเดีย เมียนมา และไทย
“ในเมียนมายังมีระยะทางที่ต้องปรับปรุงซ่อมแซมสภาพถนนอีกประมาณ 120 กิโลเมตร นอกนั้นก็อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้แล้ว” ท่านทูตกล่าวว่า เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ประชาชนในสามประเทศก็จะสามารถใช้ทางหลวงสายนี้ในการคมนาคมได้สะดวกจากเมืองโมเรห์ ในแคว้นมณีปุระ ประเทศอินเดีย มายังอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ประเทศไทย กลายเป็นเส้นทางสายใหม่สำหรับการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของทั้ง 3 ประเทศ
เส้นทางทางหลวงไตรภาคี "โมเรห์-แม่สอด"
“อินเดียมองไทยเป็นฐานการผลิตในเชิงอุตสาหกรรมที่ดีที่สุดในอาเซียนจากความพร้อมในหลายๆด้าน ขณะเดียวกันไทยเองก็เห็นถึงความสำคัญในการเข้าไปลงทุนในอินเดียเช่นกัน ดังจะเห็นได้ว่ามีกลุ่มทุนของไทยเข้าไปลงทุนในอินเดียมากขึ้นเรื่อยๆในหลากหลายสาขาอุตสาหกรรม เช่น การลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ในอุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร รวมถึงค้าปลีกอาหาร (ไก่ย่าง 5 ดาว) กลุ่มศรีไทยซุปเปอร์แวร์ ผลิตเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร กลุ่มพฤกษาเรียลเอสเตท ทำธุรกิจก่อสร้างที่พักอาศัย และอีกหลายรายที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้” เอกอัครราชทูตอินเดียกล่าวทิ้งท้ายว่า อาเซียนและอินเดียมีความสัมพันธ์มายาวนาน 25 ปี ขณะที่ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและอินเดียนั้นยาวนานมาถึง 70 ปี เป็นโอกาสอันดีที่ควรจะมีการเสริมสร้างความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกๆด้าน
นายบัควันท์ ซิงห์ บิชนอย เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย
ทั้งนี้ เส้นทางดังกล่าวระยะทางรวม 1,600 กิโลเมตร เริ่มจากเมืองโมเรห์ เมืองชายแดนของแคว้นมณีปุระของอินเดีย ผ่านเข้าสู่ประเทศเมียนมา มาถึงเมืองมัณฑเลย์ เมืองใหญ่อันดับสามของเมียนมา ผ่านเมืองย่างกุ้ง จากนั้นจะต่อมาจนถึงอำเภอแม่สอด จังหวัดตากของไทย “ในระยะทาง 250 กิโลเมตรแรกจากอินเดียเข้ามายังเมืองชายแดนเมียนมานั้น มีสะพานต่างๆอยู่ในเส้นทางถึง 70 สะพาน ล้วนเป็นสะพานเก่าแก่ที่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อให้สามารถใช้งานได้ดี ในส่วนนี้รัฐบาลอินเดียจะเป็นผู้ออกทุนสนับสนุนการซ่อมบำรุงทั้งหมด” เอกอัครราชทูตอินเดียยังกล่าวต่อไปว่า ทางหลวงไตรภาคีส่วนที่อยู่ในดินแดนเมียนมาจะแบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกัน รับผิดชอบการก่อสร้างและซ่อมแซมโดยอินเดีย เมียนมา และไทย
“ในเมียนมายังมีระยะทางที่ต้องปรับปรุงซ่อมแซมสภาพถนนอีกประมาณ 120 กิโลเมตร นอกนั้นก็อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้แล้ว” ท่านทูตกล่าวว่า เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ประชาชนในสามประเทศก็จะสามารถใช้ทางหลวงสายนี้ในการคมนาคมได้สะดวกจากเมืองโมเรห์ ในแคว้นมณีปุระ ประเทศอินเดีย มายังอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ประเทศไทย กลายเป็นเส้นทางสายใหม่สำหรับการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของทั้ง 3 ประเทศ
เส้นทางทางหลวงไตรภาคี "โมเรห์-แม่สอด"
“อินเดียมองไทยเป็นฐานการผลิตในเชิงอุตสาหกรรมที่ดีที่สุดในอาเซียนจากความพร้อมในหลายๆด้าน ขณะเดียวกันไทยเองก็เห็นถึงความสำคัญในการเข้าไปลงทุนในอินเดียเช่นกัน ดังจะเห็นได้ว่ามีกลุ่มทุนของไทยเข้าไปลงทุนในอินเดียมากขึ้นเรื่อยๆในหลากหลายสาขาอุตสาหกรรม เช่น การลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ในอุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร รวมถึงค้าปลีกอาหาร (ไก่ย่าง 5 ดาว) กลุ่มศรีไทยซุปเปอร์แวร์ ผลิตเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร กลุ่มพฤกษาเรียลเอสเตท ทำธุรกิจก่อสร้างที่พักอาศัย และอีกหลายรายที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้” เอกอัครราชทูตอินเดียกล่าวทิ้งท้ายว่า อาเซียนและอินเดียมีความสัมพันธ์มายาวนาน 25 ปี ขณะที่ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและอินเดียนั้นยาวนานมาถึง 70 ปี เป็นโอกาสอันดีที่ควรจะมีการเสริมสร้างความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกๆด้าน