PTG ทุ่ม 205 ล้านซื้อธุรกิจอาหารและกาแฟ

19 ก.ค. 2560 | 12:18 น.
“พีทีจี”ทุ่มงบ 205 ล้านบาท ส่ง “กาแฟพันธุ์ไทย” เข้าซื้อหุ้น “จี เอฟ เอ คอร์ปอเรชั่น ” ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ Coffee World, Cream & Fudge เสริมศักยภาพขยายธุรกิจ non-oil นอกสถานีบริการ ทั้งใน และต่างประเทศ ลดการพึ่งพาธุรกิจน้ำมันอย่างเดียว

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทฯได้อนุมัติให้บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด หรือ PUN ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PTG ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท จี เอฟ เอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ GFA ผู้ดำเนินกิจการด้านธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่มภายใต้เครื่องหมายทางการค้าชื่อดัง จำนวน 29,350 หุ้น ในราคาหุ้นละ 6,984.19 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 205 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 99.99% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ GFA

โดย PTG ได้เข้าลงทุน และให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ PUN เพื่อให้ PUN มีเงินทุนสำหรับการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ GFA ทั้งนี้ เงินทุนที่บริษัทให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ PUN เป็นเงินทุนจากกระแสเงินสดที่ได้จากการประกอบกิจการของบริษัท

ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นสามัญของ GFA ผู้ดำเนินกิจการด้านธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่มภายใต้เครื่องหมายทางการค้า Coffee World, Cream & Fudge, New York 5th Av. Deli, Coffee World Restaurant และ Thai Chef Express ปัจจุบัน GFA มีสาขาภายใต้เครื่องหมายทางการค้าต่างๆ รวม 130 สาขา ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จะช่วยให้ PTG สามารถเพิ่มศักยภาพของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน หรือ non-oil และจะสามารถเพิ่มช่องทางการขยายธุรกิจด้านอาหาร และเครื่องดื่มในพื้นที่ที่มีศักยภาพนอกสถานีบริการน้ำมัน PT เช่น ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ คอมมูนิตี้มอลล์ และสนามบิน ในประเทศไทย และต่างประเทศเพื่อสร้างสินค้า และบริการที่หลากหลายให้กับลูกค้าปัจจุบัน และขยายฐานลูกค้าใหม่ให้ครอบคลุมมากขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการขยายไปสู่ธุรกิจด้านอาหาร และเครื่องดื่มในอนาคต และที่สำคัญจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของ PTG ในการพึ่งพาธุรกิจน้ำมันเพียงอย่างเดียว

“การเข้าลงทุนในครั้งนี้ เรามองเห็นถึงโอกาสในการสร้างความเติบโตทางธุรกิจด้านอาหาร และเครื่องดื่มในอนาคต โดยเฉพาะการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถตอบโจทย์แผนธุรกิจของเราได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการขยายธุรกิจ non-oil ให้เพิ่มสูงขึ้นเพื่อลดการพึ่งพาธุรกิจน้ำมันเพียงอย่างเดียว และเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับบริษัทฯในระยะยาวได้” นายพิทักษ์กล่าว