สัมผัสรถไฟฟ้าแบรนด์คนไทยเอชเซมมอเตอร์

22 ก.ค. 2560 | 00:30 น.
เอ่ยชื่อ ฮั้วเฮงหลี กรุ๊ป ขึ้นมาเมื่อไร เชื่อว่าหลายคนที่อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดกำแพงเพชร, นครสวรรค์, พระนครศรีอยุธยา น่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะเป็นผู้จำหน่ายทั้งรถคูโบต้า, มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า, รถกระบะบรรทุกทาทา , จำหน่ายเครื่องจักรกลทางการเกษตรและเครื่องจักรกลหนักมือสอง และ ธุรกิจสถานีบริการนํ้ามันปตท.

นอกจากการเป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว ฮั้วเฮงหลี ยังมีบริษัทในเครืออย่างบริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อผลิตและจำหน่ายรถกอล์ฟไฟฟ้า แบรนด์สยามรถไฟฟ้า หรือ SEV และรถสามล้อ แบรนด์สยามรถสามล้อ หรือ STC โดยทั้ง 2 แบรนด์ถูกผลิตจากโรงงานที่ตั้งอยู่จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา

MP37-3280-3 ล่าสุดเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่ารถแบรนด์ไทย ทั้ง SEV และ STC สามารถใช้งานได้ดีไม่แพ้?แบรนด์ไหนๆ ทางเอช เซม มอเตอร์ จึงได้เนรมิตพื้นที่ของโรงแรม ณุศา มาย โอโซน เขาใหญ่ เพื่อทำการทดสอบสมรรถนะของรถรุ่นต่างๆ

โดยการทดสอบจะแบ่งออกเป็น 3 สเตชัน ซึ่งสเตชันแรกคือรถมอเตอร์ ไซค์ 3 ล้อไฟฟ้า ที่มีให้เลือกตั้งแต่ 500 วัตต์ จนถึง 1 กิโลวัตต์ ทำความเร็วได้สูงสุด 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และวิ่งต่อเนื่องได้ระยะทางสูงสุด 50 กม. ต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 6-8 ชม. ตัวรถจะมีทั้งแบบ 1 ที่นั่ง และ แบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งการขับขี่ไม่ยาก แค่บิดคันเร่งตัวรถก็พุ่งทะยานออกไปอย่างง่ายดาย ส่วนบางคันที่มีเกียร์ ทั้งเกียร์เดินหน้า และถอยหลัง ก็ควบคุมใช้งานง่าย มีความคล่องตัวสูง แต่แบบ 2 ที่นั่งในช่วงแรกอาจจะรู้สึกแปลกเล็กน้อย เพราะยังไม่ถนัดมือ

ในสเตชันนี้ยังมีรถ 3 ล้อไฟฟ้าบรรทุก ให้ลองสัมผัส โดยสามารถบรรทุกของได้สูงสุด 450 กิโลเมตร จุดเด่นอีกประการคือเปิดกระบะได้ทั้ง 3 ด้าน เหมาะสำหรับการขนของ-ขนส่งในระยะใกล้ๆ

MP37-3280-2 มาต่อกันที่สเตชัน 2 เป็นกลุ่มรถกอล์ฟไฟฟ้า และ รถกอล์ฟไฟฟ้า+ พลังงานแสงอาทิตย์ 2 - 8 ที่นั่ง โดยจุดเด่นของรถคือมีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ 100 - 300 วัตต์ ที่ช่วยประหยัดพลังงานเพิ่มจากเดิมสูงสุด 57% เพราะในระหว่างการใช้งานกลางแจ้งจะสามารถชาร์จไฟด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ส่วนรูปร่างหน้าตาของรถในกลุ่มนี้ดูเผินๆอาจจะมองว่าไม่ได้แตกต่างจากรถกอล์ฟทั่วไป แต่หากเข้ามาดูใกล้ๆจะเห็นความโค้งมน เห็นไฟหน้าแบบแอลอีดี เบาะหนังสไตล์สปอร์ต มีเส้นสาย และล้อแม็กอัลลอยขนาด 10 นิ้ว ส่วนตัวสมรรถนะการขับขี่ถือว่าใช้งานได้จริง ขับขึ้น- ลง เนิน เจอทางโค้ง หรือ ทางขรุขระ เวลาถอยรถก็มีเสียงเตือนเพื่อความปลอดภัย ส่วนความเร็วสูงสุดที่ทำได้ก็อยู่ที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ วิ่งต่อเนื่องได้ระยะทางสูงสุด 60 กิโลเมตรเรียกว่าใช้งานได้จริงและมั่นใจได้

จุดเด่นของรถกอล์ฟไฟฟ้าของทางเอช เซม มอเตอร์ พัฒนาคือ มีระบบชาร์จพลังงานไร้สาย WPT หรือ Wireless Power Transfer โดยเมื่อหยุดรถในสถานี WPT ก็จะชาร์จพลังงานไฟฟ้าอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียบปลั๊ก ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคาจำหน่ายของรถประเภทนี้ยังไม่เคาะ แต่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 แสนบาท
ปิดท้ายที่สเตชัน 3 เป็นกลุ่มรถ 3 ล้อฟูดทรัก พลังงานแสงอาทิตย์ และรถ 3 ล้อบรรทุก เครื่องยนต์ 150 - 200 ซีซี สามารถรับนํ้าหนักบรรทุกสูงสุด 1,000 กิโลกรัม ขับเคลื่อนด้วย 5 เกียร์ เดินหน้า 1 เกียร์ ถอยหลัง ความเร็วสูงสุด 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราการสิ้นเปลืองที่ 25 กิโลเมตรต่อลิตร โดยกระบะหลัง กว้าง 1,300 มม. ยาว 2,200 มม. สูง 550 มม. สามารถเปิดได้ 3 ด้านเช่นเดียวกัน เหมาะสำหรับกลุ่มที่ต้องการทำธุรกิจขนส่งสินค้า เช่น กลุ่มเกษตรกร ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ร้านค้าปลีก

MP37-3280-4 นอกจากนั้นแล้วยังสามารถดัดแปลงเป็นตู้อเนกประสงค์ เป็นรถประกอบอาชีพต่างๆ หรือ ที่เราคุ้นเคยกันดีในแบบฟูดทรัก โดยสามารถทำเป็นเคาน์เตอร์บาร์แบบเปิด มีปลั๊กไฟ และ รับนํ้าหนักบรรทุก 400 กก. และเมื่อติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ 100 วัตต์ สามารถชงกาแฟ ปั่นนํ้าแข็ง ได้นานสูงสุด 8 ชม. โดยราคารถในกลุ่มนี้หากเป็นรถเปล่าเริ่มต้นที่ 5.5 หมื่นบาท แต่หากมีการดัดแปลงเป็นรถอาชีพราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนบาท

แม้จะได้สัมผัสกับสมรรถนะของรถแต่ละคันในเวลาที่สั้นๆ แต่ก็ถือว่าใช้งานได้จริง แถมราคาไม่โหดร้าย เพราะรถมอเตอร์ไซค์ 3 ล้อไฟฟ้าเริ่มต้นประมาณ 3 หมื่นบาทปลายๆ ส่วนรถกอล์ฟไฟฟ้า หรือ รถ 3 ล้อบรรทุกก็อยู่ในหลักแสนบาท ซึ่งใครที่กำลังมองหารถประเภทนี้เพื่อใช้งานในองค์กร หรือประกอบธุรกิจแบบเอสเอ็มอี หรือ นำไปขับขี่ในชีวิตประจำวัน ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

ส่วนใครที่กังวลเรื่องบริการหลังการขายหรือเรื่องอะไหล่ ทางเอช เซม ยืนยันว่าสินค้าทุกชิ้นรับประกันคุณภาพสินค้า 1 ปี ส่วนบริการหลังการขายอื่นๆ ก็มี อาทิ ตรวจเช็กตามระยะประกัน , บริการซ่อมในระยะประกัน, และอะไหล่มาตรฐานโรงงาน

ปัจจุบันเอช เซม มีดีลเลอร์แล้วกว่า 30-40 แห่งทั่วประเทศ และภายในสิ้นปีนี้จะขยายเป็น 50 แห่ง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,280 วันที่ 20 - 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560