ครม.เห็นชอบแนวทางแต่งตั้งคณะกก.รัฐวิสาหกิจใหม่

18 ก.ค. 2560 | 09:07 น.
 

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (18 กรกฎาคม)ว่า ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เสนอเรื่องแนวทางการแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมี 20 แห่งที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งภายในเดือนกรกฎาคมนี้ อาทิ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ, ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย, ธนาคารอาคารสงเคราะห์, องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร, องค์การคลังสินค้า, การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, โรงงานไพ่ และองค์การสุรา เป็นต้น

ดังนั้น เพื่อให้สามารถพิจารณาแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจด้วยความโปร่งใสรอบคอบ และมี Skill Matrix ตรงต่อความต้องการของรัฐวิสาหกิจ คนร.จึงได้นำเสนอเรื่องดังกล่าวให้ครม.พิจารณาโดยเร่งด่วน

“หลักเกณฑ์ใหม่นี้ยังจะทำให้นักการเมืองไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบอร์ดของรัฐวิสาหกิจได้เหมือนเช่นในอดีต เบื้องต้นจะมีรัฐวิสาหกิจ 1 ใน 3 ที่เข้าสู่กฎเกณฑ์ใหม่นี้ ขณะที่ในอนาคตเมื่อหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอื่นมีกรรมการที่ครบวาระจะทยอยใช้กฎเกณฑ์ใหม่นี้ไปจนครบทั้ง 56 แห่ง”นายกอบศักดิ์ ระบุ

สำหรับหลักเกณฑ์การแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจใหม่นี้ประกอบด้วย 1.ให้นำสมรรถนะหลักและความรู้ที่จำเป็น (Skill Matrix)มาใช้ในการพิจารณาสรรหา และแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้รัฐวิสาหกิจได้กรรมการตรงกับความต้องการที่แท้จริงในการขับเคลื่อนและพัฒนารัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ กฎหมายจัดตั้งของรัฐวิสาหกิจได้กำหนดความเชี่ยวชาญไว้เป็นการเฉพาะ การกำหนด Skill Matrix ต้องเป็นไปตามความเชี่ยวชาญดังกล่าวด้วย

2. การแต่งตั้งกรรมการอื่นที่มิใช่กรรมการโดยตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจแห่งใด ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาเสนอชื่อจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์การทำงานในภาคธุรกิจไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการอื่นของรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้เพื่อให้รัฐวิสาหกิจมีกรรมการที่มีความรู้ ความสามารถจากภาคธุรกิจต่างๆมากยิ่งขึ้น

3.ห้ามมิให้มีการแต่งตั้งผู้บริหารสูงสุดหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งแห่งใดเป็นกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจอื่น เว้นแต่กรณีที่มีกฎหมายกำหนด
หรือกรณีการแต่งตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการของบริษัทที่รัฐวิสาหกิจนั้นถือหุ้นอยู่ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องของการปฏิบัติงานของผู้บริหารสูงสุดและพนักงานรัฐวิสาหกิจ

4.ไม่แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ข้าราชการการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจเพิ่มเติม ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

5.ให้มีผู้แทนกระทรวงการคลังที่เป็นข้าราชการประจำในกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางราชการในฐานะผู้ถือหุ้นของรัฐวิสาหกิจ และเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

6.ให้มีผู้แทนกระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจที่เป็นข้าราชการประจำในกระทรวงเจ้าสังกัด ซึ่งไม่อยู่ในหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการประกอบกิจการของรัฐวิสาหกิจนั้น (Regulator) จำนวน 1 คน เป็นกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ เพื่อทำหน้าที่เชื่อมโยงนโยบายจากกระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจ
ทั้งนี้ กรณีมีเหตุจำเป็นอาจแต่งตั้งเพิ่มเติมได้อีกไม่เกิน 1 คน

7.ในกรณีที่กฎหมายจัดตั้งของรัฐวิสาหกิจกำหนดให้มีผู้ดำรงตำแหน่งใดในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นเป็นกรรมการ และผู้ดำรงตำแหน่งนั้นจะมอบหมายให้ผู้อื่นปฏิบัติหน้าที่แทนในตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจ ให้ผู้ดำรงตำแหน่งนั้นพิจารณามอบหมายผู้ดำรงตำแหน่งอื่นในหน่วยงานในสังกัดที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีเวลาและเหมาะสมกับความต้องการในการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาของแต่ละรัฐวิสาหกิจนั้น โดยทำเป็นคำสั่งมอบอำนาจเพื่อให้เกิดความรับผิดชอบและต่อเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่

8.กรณีกฎหมายจัดตั้งของรัฐวิสาหกิจกำหนดให้มีผู้แทนหน่วยงานต่างๆเป็นกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ ให้หน่วยงานนั้นแต่งตั้งจากบุคคลที่อยู่ในหน่วยงานนั้น

9.ในกรณีที่สวนราชการแต่งตั้งข้าราชการประจำไปเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ หากข้าราชการผู้นั้นเกษียณอายุหรือพ้นจากการเป็นข้าราชการประจำให้ส่วนราชการนั้นแต่งตั้งข้าราชการคนใหม่ไปแทน เนื่องจากข้าราชการผู้พ้นจากตำแหน่งแล้วไม่อยู่ในข่ายต้องได้รับโทษตามนัย พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดทางวินัยของข้าราชการซึ่งไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานที่มิใช่ส่วนราชการ พ.ศ.2534 และเพื่อให้การกำกับดูแลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจเป็นไปตามนโยบายของส่วนราชการนั้น เว้นแต่ข้าราชการผู้ที่เกษียณอายุหรือพ้นจากการเป็นข้าราชการประจำและส่วนราชการพิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเชี่ยวชาญในกิจการ  ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐวิสาหกิจนั้นๆ

ส่วนราชการนั้นจะพิจารณาให้บุคคลดังกล่าวยังคงเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่อไปจนครบวาระที่ยังเหลืออยู่ก็ได้ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงบทบัญญัติของกฎหมายรัฐวิสาหกิจนั้นๆ ที่ให้อำนาจในการแต่งตั้งหรือถอดถอนประกอบด้วย เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2537 เรื่องหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการพ้นจากตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจและบทกำกับข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ