วอลโว่ ทรัคส์ ประกาศผลผู้ชนะ Volvo Trucks FuelWatch Challenge ปี 2017

17 ก.ค. 2560 | 11:23 น.
นายกำลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ วอลโว่ ทรัคส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าการแข่งขันขับขี่ปลอดภัยและประหยัดน้ำมันที่จัดขึ้นในประเทศไทยภายใต้ชื่อ Volvo Trucks Fuelwatch Challenge 2017 ในปีนี้ เป็นครั้งแรกที่มีการจัดแข่งขันเกิดขึ้นที่ประเทศไทยครบทั้ง 2 ประเภทคือประเภท On Road และ ประเภท Off Road ในประเทศไทย และได้ตัวแทนทั้งสองประเภทเข้าร่วมแข่งขันในรายการ APAC FuelWatch Challenge 2017 ที่จะจัดขึ้นในประเทศสวีเดน และหากสามารถผ่านการคัดเลือกในรายการนี้ จะได้สิทธิ์เข้าร่วมชิงชัยในรายการ Global FuelWatch Challenge 2017 ที่ประเทศสวีเดน เช่นกัน ซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของนักขับรถวอลโว่ ทรัคส์

pix1

“การแข่งขัน Fuelwatch Challenge ปีนี้ เราจัดขึ้นเป็นปีที่ 8 ติดต่อกันแล้ว เราให้ความสำคัญกับการแข่งขันรายการนี้มากเพราะจะเป็นเวทีที่จะยกระดับคุณภาพการขับรถบรรทุก ไม่เพียงแต่ความปลอดภัยที่เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจนี้ แต่การประหยัดพลังงานก็เป็นอีกความสำคัญหนึ่งที่จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถลดต้นทุนของตัวเองได้เพราะน้ำมันถือเป็นต้นทุนที่อยู่ในสัดส่วนสูงถึง 30% ของต้นทุนรวม จึงทำให้เราได้พัฒนาการแข่งขันให้สอดคล้องกับเวทีโลก ทำให้ปีนี้ เราจึงจัดแข่งขันขึ้นทั้งประเภท On Road และประเภท Off Road โดยประเภท On Road เป็นการจัดขึ้นสำหรับนักขับชาวไทยเท่านั้น ส่วนประเภท Off Road ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 แต่เป็นครั้งแรกที่จัดแข่งขันในประเทศไทย มีตัวแทนจาก 3 ประเทศได้แก่ ประเทศฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศเมียนมาร์ รวมทั้งหมด 8 คน”

pix 2 (1)

นายกำลาภ กล่าวเสริมว่าการแข่งขันประเภท Off Road เมื่อปีที่แล้ว จัดขึ้นที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท ภูเบี้ย ไมน์นิ่ง จำกัด ในการใช้พื้นที่การแข่งขัน

off road1

วอลโว่ ทรัคส์ ประเทศไทยได้จัดกิจกรรมการแข่งขันขับขี่ปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน Fuelwatch Challenge อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ถือเป็นการจัดเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน โดยในปีแรก พ.ศ. 2553 มีผู้สมัครเพียง 56 คน และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็น 65 คนในปี 2554 ปี 2555 มีผู้สมัคร 73 คน ปี 2556 มีผู้สมัคร 81 คน ปี 2557 120 คน ปี 2558 มีผู้สมัคร 150 คน ปี 2559 ผู้สมัครเพิ่มขึ้นเป็น 260 คน อย่างไรก็ตามในปีนี้ มีจำนวนผู้สมัครเท่าเดิมอยู่ที่ 260 คน

on road4

ทางด้านนายสิทธิกร กล่าวถึงความมั่นใจในการเข้าร่วมแข่งขัน APAC FuelWatch Challenge 2017 ที่ประเทศสวีเดนว่ามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ดีที่สุด แต่ที่สำคัญคือตนได้สัมผัสกับรถวอลโว่ ทรัคส์ มาเป็นเวลานานด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพและระบบความปลอดภัย จึงทำให้สามารถเรียนรู้เทคนิคการขับขี่ปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน

สำหรับนายสิทธิกรลงสมัครแข่งด้วยตัวเองเกือบทุกปี หากปีไหนติดภารกิจจะส่งตัวแทนมาเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในรายการนี้ เพราะเชื่อว่าเป็นเวทีนี้จะช่วยสนับสนุนให้กับนักขับได้รับการพัฒนาทักษะ โดยเฉพาะการขับประหยัดน้ำมัน และยังเป็นที่ยอมรับในนามสุดยอดสิงห์รถบรรทุกตัวจริงของประเทศ และปีนี้ความสำเร็จก็มาถึงด้วยความพยายามติดต่อกันมาหลายปี

off road4

“การแข่งขันครั้งนี้ ผมใช้ทั้งเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา ร่วมกันเพราะผมได้สัมผัสเรียนรู้กับรถบรรทุกวอลโว่ มาเป็นเวลานาน ทำให้ผมรู้ได้ว่าช่วงจังหวะไหนและในสภาพถนนแบบไหน ควรจะใช้เกียร์อะไร และเกียร์แบบไหน เพื่อให้ประหยัดพลังงานมากที่สุด การแข่งขันรอบสุดท้ายนี้ ผมสามารถวิ่งรถโดยไม่ได้ใช้น้ำมันเลยมากถึง 5 กิโลเมตร เพราะผมรู้ว่าจังหวะไหน สามารถใช้แรงส่งจากหางบรรทุกดันให้ตัวรถวิ่งไปข้างหน้าอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน สิ่งเหล่านี้ เกิดจากประสบการณ์การทำงานของผม และผมพร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์แบบนี้กับทุกคนครับ”

สำหรับ Mr. Der ซึ่งเป็นตัวแทนประเภท Off Road กล่าวเพิ่มเติมว่าพร้อมที่จะเข้าร่วมแข่งขันในนาม Thailand Hub ที่ประเทศสวีเดน และเชื่อว่าจากประสบการณ์ในการทำงานจริงที่เหมืองในประเทศลาว จะสามารถนำประสบการณ์และทักษะจากการทำงานมาใช้เพื่อเป้าหมายเข้ารอบสุดท้ายระดับชิงแชมป์โลกที่ประเทศสวีเดน

ทางด้านนางสาววิลาวัลย์ วิศปาแพ้ว รองประธานฝ่ายการตลาดและสนับสนุนงานขาย กล่าวว่าภายหลังจากที่ Thailand Hub ได้ตัวแทนทั้งสองประเภทแล้ว วอลโว่ ทรัคส์ ประเทศไทย จะเปิดค่ายฝึกติวเข้มให้กับตัวแทนทั้งสองเพื่อเสริมทักษะและเทคนิคการขับขี่ให้เข้มข้นเพื่อให้สามารถทะลุเข้าสู่รอบ Global Fuelwatch Challenge 2017 ในประเทศสวีเดน

“การเป็นตัวแทน Thailand Hub นี้ถือว่าเป็นเกียรติยศอย่างสูงที่ได้โอกาสเข้าร่วมชิงชัยในสนาม Asia Pacific แต่หากสามารถทะลุเข้าไปถึงรอบสุดท้ายคือ Global FuelWatch Challenge 2017 ได้จะถือว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดของพนักงานขับรถวอลโว่ ทรัคส์ เพราะจะเป็นโอกาสที่ประเทศไทยและประเทศลาว จะได้บุคลากรชั้นสูงสุด อยู่ในองค์กรเพื่อกระดับการพัฒนายพนักงานขับรถ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสภาพขาดแคลนอย่างมาก” นางสาววิลาวัลย์ กล่าว

นางสาววิลาวัลย์ กล่าวว่าในการคัดเลือกสนามประเทศไทยประเภท On Road นั้น ผู้ชนะเลิศในรายการนี้จะได้รับรางวัล รวมมูลค่า 400,000 บาท นอกจากผู้ชนะเลิศที่จะเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าสู่การชิงชัยรอบเอเชียแปซิฟิคแล้ว จะมีการประกาศรายชื่อรองชนะเลิศจำนวน 2 คน โดยผู้ชนะรองอันดับ 1 จะได้รับรางวัล มูลค่ารวม 80,000 บาท ผู้ชนะรองอันดับ 2 จะได้รับรางวัล มูลค่ารวม 40,000 บาท