กรมชลเตรียมพร้อมมือพายุโซนร้อน “ตาลัส”

17 ก.ค. 2560 | 08:19 น.
นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณลุ่มต่ำที่มีน้ำท่วมขัง ได้มอบหมายให้กรมชลประทาน ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจ พร้อมกับเข้าไปบรรเทาทุกข์และลดความเดือดร้อนให้เหลือน้อยที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งขณะนี้มีระดับน้ำสูงขึ้นตามปกติของฤดูกาล และมีน้ำท่วมเป็นบางแห่งตามวิถีประจำที่เคยเกิดขึ้นมาแต่ครั้งอดีต ซึ่งกรมชลประทานไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พบปะ เยี่ยมเยียนและบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

[caption id="attachment_180711" align="aligncenter" width="335"] นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน[/caption]

สำหรับการติดตามสภาวะอากาศและสถานการณ์น้ำของศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) พบว่าร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ส่งผลให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ อนึ่ง เมื่อเวลา 04.00 น. (วันที่ 17 ก.ค. 60) พายุโซนร้อน “ตาลัส” (Talas) บริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนาม ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งทางใต้ของเมืองฮานอย ประเทศเวียดนามแล้ว และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ โดยจะเคลื่อนผ่านทางตอนบนของประเทศไทยและจะสลายตัวบริเวณประเทศลาวตอนบน
สถานการณ์น้ำในแม่น้ำสายหลักต่างๆ ส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำน่านตั้งแต่ จ.พิจิตร ถึง จ.นครสวรรค์ และแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ จ.ชัยนาท ถึง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ริมแม่น้ำที่อยู่นอกคันกั้นน้ำบางแห่งบริเวณ อ.เสนา และ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนแม่น้ำสายอื่นๆ มีระดับต่ำกว่าตลิ่งสามารถรองรับน้ำได้อย่างปลอดภัย

ในส่วนของสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศและขนาดกลางทั้งประเทศ ปัจจุบัน(17 ก.ค. 60) มีปริมาณน้ำรวมกัน 42,425 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 56 ของความจุอ่างฯรวมกันทั้งหมด ปริมาณน้ำมากกว่าปี 2559 รวม 8,385 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 32,700 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 11,523 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 46 ของความจุอ่างฯรวมกัน ปริมาณน้ำปีนี้มากกว่าปี 2559 รวม 2,812 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำใช้การได้ 4,827 ล้านลูกบาศก์เมตร โดย 4 เขื่อนหลักยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 13,300 ล้านลูกบาศก์เมตร

S__49471674 ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำในแม่น้ำสายหลักของศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ พบว่าสภาพน้ำท่าทางตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาเริ่มทรงตัว โดยปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ อยู่ในเกณฑ์ 1,262 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เมื่อรวมกับปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังที่ปัจจุบันมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาเริ่มมีฝนตกชุกกระจาย ทำให้มีน้ำขังในระบบชลประทานและพื้นที่การเกษตรลุ่มต่ำ โดยเฉพาะนาข้าวทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก จำเป็นต้องเร่งระบายน้ำออก เพื่อให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างสะดวกและมีความชื้นน้อย
สำหรับปริมาณน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทาน ได้ใช้ระบบชลประทานทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา รับน้ำเข้าไปตามศักยภาพที่รับได้ พร้อมกับควบคุมระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในระดับ +15.50 ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 1,350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเตรียมรองรับปริมาณฝนที่จะตกหนักลงมาอีกจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “ตาลัส”
13

 

ในส่วนของการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนตกหนัก จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “ตาลัส” นั้น กรมชลประทาน ได้ให้โครงการชลประทานทั่วประเทศเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้น โดยจะใช้ระบบชลประทานและระบบป้องกันน้ำท่วม ในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกับกำชับให้เจ้าหน้าที่ชลประทานให้ประจำอยู่ ณ ที่ตั้งเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้ง ให้ตรวจสอบระบบชลประทานที่มีอยู่ ให้สามารถรองรับสถานการณ์น้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ สำหรับพื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วมเป็นประจำ ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ในพื้นที่ก่อนอย่างน้อย 1 เครื่อง เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้อย่างทันท่วงที ส่วนในกรณีที่เกิดสภาวะวิกฤติ ให้รีบดำเนินการชี้แจงผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อทำการแจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันต่อเหตุการณ์ นอกจากนี้ ยังได้เตรียมความพร้อมทางด้านเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำ ในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมเป็นประจำ เพื่อให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดปัญหาน้ำท่วม สำหรับพี่น้องประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือหรืออยากสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ สามารถติดต่อมาได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน โทร.สายด่วน 1460