วันที่ 15 ก.ค.60 นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้า กระทรวงอุตสาหกรรมจะหารือกับสมาคมธนาคารไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปรายละเอียดมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ มุ่งให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคารที่ไม่ใช่การขอสินเชื่อผ่านกองทุนที่ต้องมีการค้ำประกันเงินกู้จากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นอกจากนี้ จะหารือถึงความช่วยเหลือด้านการจัดการความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน และให้ธนาคารเอกชนรายใหญ่เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำแหล่งเงินทุน โดยให้ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสินจะเป็นแกนนำหลั
รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภาพรวมพบว่า เอสเอ็มอี มี 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มที่ต้องการขยายการผลิตแต่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน และกลุ่มที่ยังตั้งตัวไม่ได้เพราะเคยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในอดีต
ในช่วงต้นนี้รัฐบาลมีมาตรการและกองทุนช่วยเหลือเอสเอ็มอีวงเงิน 38,000 ล้านบาท มีผู้ประกอบการทั่วประเทศยื่นคำขอกู้กว่า 26,000 ล้านบาท และอนุมัติไปแล้วมากกว่า 7,000 ล้านบาท มั่นใจว่ายังมีเงินในส่วนของภาครัฐช่วยผู้ประกอบการได้อีกมาก
ด้านนายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโสสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ระบุว่า ภาวะการบริโภคช่วงครึ่งปีแรกที่ไม่ดีนัก ทำให้ยอดขายของผู้ประกอบการลดลง จึงส่งผลต่อการตัดสินใจปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ เพื่อลดความเสี่ยงหนี้เสีย แต่มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังเมื่อกำลังซื้อและเศรษฐกิจดีขึ้น จะทำให้ธนาคารกล้าปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
ด้านนายธัญญะ พูลสวัสดิ์ รองประธานกรรมการ บริษัทประชารัฐรักสามัคคีสุราษฎร์ธานี(วิสาหกิจเพื่อสังคม) กล่าวว่าพอใจที่ภาครัฐสนับสนุนสินเชื่อโดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพ แต่ต้องการให้เพิ่มวงเงินสินเชื่อมากกว่านี้ และ ส่งเสริมการเชื่อมโยงสินค้าของชุมชนไปถึงการท่องเที่ยว และประชาสัมพันธ์ไปต่างประเทศให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาในพื้นที่แหล่งผลิต