'จีสตีล' แปลงหนี้เป็นทุน 'สมศักดิ์' เปิดทาง SSG ถือหุ้น 76%

15 ก.ค. 2560 | 04:15 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

บอร์ดไฟเขียว "จี สตีล" แปลงหนี้เป็นทุนให้กลุ่ม SSG เข้าถือหุ้น 76% หวังบริษัทกลับมาแข็งแรง พร้อมทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์หุ้นทั้งหมด ก่อนเพิ่มทุนขายผู้ถือหุ้นเดิม 2 ต่อ 1 ราคา 0.1961 บาท

image3878 บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEL แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.2560 มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ อีกจำนวนไม่เกิน 138,661.21ล้านบาท  จากทุนจดทะเบียนเดิม 48,775.74 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 187,436.95 ล้านบาท โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 21,801 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท ในวันที่ 15 ก.ย.2560 ให้แก่ Asia Credit Opportunities I (Mauritius) Limited (ACO I) ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ SSG Capital Holdings Limited (SSG CH) SSG Capital Partners III, L.P. (SSG III) และ Kendrick Global Limited (KG) (รวมเรียกว่า กลุ่ม SSG)  เพื่อชำระหนี้การค้าสุทธิจำนวน 123.89 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 4,275.68 ล้านบาท ตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุน ในราคาหุ้นละ 0.1961 บาท รวมมูลค่า 4,275.68 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาด 58.89% ทำให้มีส่วนลดจากราคาตลาดเกินกว่า 10% ตามที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน

ภายหลังเสนอขายหุ้น ACO I จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ถือหุ้น 76.09% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ หลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้ว จากเดิมคือกลุ่มของนายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล จึงมีอำนาจควบคุมบริษัทฯ เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน และต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนและต้องไม่มีผู้ถือหุ้นจำนวนรวมกันตั้งแต่ 10% ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนคัดค้านการเสนอขายหุ้นในราคาดังกล่าว โดยกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 ในวันที่ 30 ส.ค.2560 รวมทั้งต้องได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

[caption id="attachment_180104" align="aligncenter" width="351"] นายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล นายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล[/caption]

ทั้งนี้กลุ่ม SSG ได้เจรจาเงื่อนไขต่างๆ และเซ็น MOU กับบริษัทฯ ในวันที่ 26 พ.ค.2560 โดยราคาเสนอขายหรือราคาแปลงหนี้เป็นทุนมีการปรับลดราคาเสนอขายลง เป็นผลมาจากการตกลงลดหนี้การค้าบางส่วนให้บริษัทฯ

อนึ่ง ภายใต้แผนการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทฯ และการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุนจะทำให้บริษัทฯ สามารถปลดภาระหนี้สินจำนวน 242.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 8,369.67 ล้านบาท ได้ทั้งจำนวน แบ่งเป็นหนี้การค้าสุทธิที่นำมาแปลงหนี้เป็นทุนจำนวน 123.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดอกเบี้ยส่วนแรกและดอกเบี้ยส่วนที่สองที่ได้รับการยกเลิกรวมจำนวน 100.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และภาษีหัก ณ ที่จ่ายค้างจ่ายที่เกี่ยวข้องจำนวน 17.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

บริษัทฯ จะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วอีกทั้งยังช่วยให้บริษัทฯ มีโครงสร้างเงินทุนที่ดีขึ้นจากการลดภาระหนี้สินและการเพิ่มขึ้นของส่วนทุน โดยหากคำนวณจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มี.ค.2560 อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อทุนจะลดลงจาก 12.44 เท่า เหลือ 1.01เท่า (หากคำนวณจากงบการเงินรวมของบริษัทฯ อัตราส่วนดังกล่าวจะลดลงจาก 1.58 เท่า เหลือ 0.57เท่า)

นอกจากนี้ภายใต้แผนการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทฯ Link Capital I ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ SSG CH, SSG III และ KG จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับบริษัทฯ ตามสัญญากู้ยืมเงิน ซึ่งมีวงเงินกู้จำนวน 41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1,414.87 ล้านบาทและมีระยะเวลากู้ยืมจำนวน 5 ปี ซึ่งบริษัทฯ สามารถชำระหนี้คืนก่อนกำหนดได้ บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าหลังปลดหนี้สินจำนวน 8,369.67 ล้านบาทได้ทั้งจำนวนและการได้รับการสนับสนุนแหล่งเงินทุนตามสัญญากู้ยืม บริษัทฯจะมีแหล่งเงินทุนเพียงพอในการประกอบธุรกิจและสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ปกติและคาดว่าจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้และกำไรต่อเนื่องในอนาคต อีกทั้งเพิ่มโอกาสในการจัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มจากสถาบันการเงินในอนาคต

ขณะที่กลุ่ม SSG เป็นกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาสถานการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นในหลายบริษัทในอดีต อีกทั้งเมื่อกลุ่ม SSG  เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และมีแนวทางแก้ไขปัญหาชัดเจนสามารถกอบกู้สถานการณ์ของบริษัทฯ และลดความเสี่ยงในการบริหารงาน ซึ่งบริษัทต้องว่าจ้าง  Synergy Strategic Solutions Management DMCC (Synergy) เป็นผู้ให้บริหารให้คำปรึกษาด้านธุรกิจและการบริหารจัดการแก่ผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมเหล็กในระดับโลก วงเงิน 41,666.67 ดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตามหลังการแปลงหนี้เป็นทุนและการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯจากกลุ่ม ACO I แล้ว  บริษัทฯ จะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 27,732.24 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ จำนวน 3,425.09 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท เสนอขายหุ้นละ 0.1961 บาท โดยไม่รวม ACO I และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นในวันที่ 7 ก.ย.2560 และปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 8 ก.ย.2560 ซึ่งวันที่ไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (XR) วันที่ 5 ก.ย. 2560 โดยเสนอขายหุ้นในวันที่ 15 พ.ย. 2560-15 ธ.ค. 2560