พีทีทีจีซีรับโอนหุ้นปิโตรเคมีจากปตท.เสร็จเรียบร้อย

12 ก.ค. 2560 | 11:46 น.
PTTGC ดำเนินการรับโอนหุ้นสายปิโตรเคมีจาก ปตท. เรียบร้อย พร้อมเดินหน้าโครงการต่อเนื่อง สร้างการเติบโต ต่อยอด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สร้างคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล  เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้รับการโอนหุ้นสายปิโตรเคมีจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 กรกฏาคม 2560 ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯ ได้เข้าถือหุ้นจำนวน 50 % ในบริษัท พีทีที อาซาฮี เคมิคอล จำกัด (PTTAC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอะคริโลไนไตรล์ (Acrylonitrile: AN) รายเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

[caption id="attachment_178585" align="aligncenter" width="335"] นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล  เคมิคอล จำกัด (มหาชน) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)[/caption]

ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนขยายการลงทุนต่อยอดผลิตภัณฑ์อะคริโลไนไตรล์ที่ได้จาก PTTAC และ    บิวตะไดอีน (Butadiene: BD) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของบริษัทฯ ไปสู่ธุรกิจ ABS (Acrylonitrile-Butadiene-Styrene) ซึ่งเป็นพลาสติกที่สำคัญใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ร่วมทุนหลายราย อีกทั้ง บริษัทฯ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาลงทุนในธุรกิจสไตรีนโมโนเมอร์ (Styrene Monomer: SM) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักอีกตัวหนึ่งที่ใช้ในการผลิต ABS และเป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญในการผลิตโพลีสไตรีน (Polystyrene: PS) ของบริษัทฯ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจดังกล่าว

บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจ PTA และ PET (Purified Terepthalic Acid: PTA, Polyethylene Terepthalate: PET)  ซึ่งเป็นพลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท อาทิเช่น อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์สายพาราไซลีน (para-Xylene: PX) และเอทีลีนไกลคอล (Mono-Ethylene Glycol: MEG) ที่บริษัทฯ มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีประเภทของพลาสติกหลักครบวงจร สามารถให้การสนับสนุนลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกได้ดียิ่งขึ้น เพื่อร่วมกันสร้างความแข็งแกร่งในการเปิดตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะตลาดเป้าหมายใน CLMV (Cambodia, Laos, Myanmar, Vietnam) ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง