ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ หนุ่มนักบริหารผู้มองหา‘โอกาส’ในทุกเส้นทาง

15 ก.ค. 2560 | 02:09 น.
แม้จะเป็นทายาทตระกูล “คูหาเปรมกิจ” ที่ขึ้นชื่อว่ามากฝีมือด้านการค้าทอง คำ แต่ “ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ” ก็ทำผลงานจนเป็นที่ยอมรับ ในตำแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด” ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 ปี ซึ่งวันนี้เขายังทำหน้าที่ CEO อย่างเต็มความสามารถ พร้อมๆ กับเลือกเดินบนเส้นทางที่เขารักควบคู่กันไป กับการทุ่มเงินกว่าพันล้านบาทสร้างอาณาจักร “เกรทเทสท์ เพ็ทแคร์” ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์เกรท ไททัน,ลินคอล์นและโอเล่ ที่หลายคนอาจมองข้าม แต่สำหรับเขาที่นี่คือ “โอกาส”

“ธนพิศาล” เล่าว่า แม้จะไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งแตกต่างกับธุรกิจบริการด้านค้าเงิน ค้าทองคำที่เขาสัมผัสมาค่อนชีวิตแบบสุดขั้ว แต่กลายเป็นความท้าทายที่ทำให้เขาต้องเดินหน้าลุย

“ในเซอร์วิสอินดัสตรี สิ่งสำคัญคือบริหารคน แต่ในธุรกิจโรงงานซึ่งเป็นธุรกิจต้นนำ ต้องเน้นการสื่อสาร การสร้างความเข้าใจและความคิดให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน”

MP30-3278-b ตัวช่วยสำคัญที่ “ธนพิศาล” มีคือ “ที่ปรึกษา” หรือคอนซัลต์ ซึ่งในอดีต (จนถึงปัจจุบัน) เขาก็ทำหน้าที่นี้ให้กับหลายๆ ธุรกิจ

“ธนพิศาล” บอกว่า คนที่คลุกคลีอยู่ในวงการ ย่อมรู้ดีกว่าเรา เราก็ต้องฟังและดูว่าแมตช์กับเรามั้ย เลือกนำสิ่งที่เหมาะมาประยุกต์ใช้ ภายใต้ข้อจำกัดที่มีและเดินตามทางที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด

“ผมรับฟังทุกความคิดเห็น ทุกประสบการณ์ถือว่าดี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะกับงาน เพราะสถานการณ์เปลี่ยน ตลาดเปลี่ยน สิ่งที่สำเร็จในขณะนั้น อาจจะใช้ไม่ได้ในเวลานี้ สูตรสำเร็จจึงมีหลายสูตร”

วันนี้ 80% ของชีวิตทุ่มให้กับการทำงานที่โกลเบล็ก ส่วนเวลาที่เหลือขอทำในสิ่งที่ชอบและเห็นเป็นโอกาส คือ การทำหน้าที่คอนซัลต์และธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นของใหม่ที่เขายอมรับว่า “เห่อ (มาก)” และยังมองหา “โอกาส” ที่จะทำเพิ่ม

“ถ้ามีโอกาสต้องทำ อย่าปิดโอกาส เราลงมือทำเองทุกอย่างไม่ได้ ต้องปล่อยให้มืออาชีพเขาทำ แต่เราเน้นบริหารจัดการแค่แตะ ดู และแก้ไข”

ความชอบของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ทำให้แนวคิดและการทำงานต่างกัน “ธนพิศาล” ยํ้าว่า เขาเป็นคนรุ่นเก่า ชอบที่จะทำงาน และเริ่มต้นทำตั้งแต่ศูนย์ และค่อยๆ สร้าง เห็นการเจริญเติบโตของบริษัท ต่างกับคนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากทำงานหนัก แต่อยากรวยเร็ว

“ธนพิศาล” บอกว่า อนาคตอยากมีธุรกิจเพิ่มถ้ามีโอกาส แม้ธุรกิจที่บริหารในปัจจุบันจะตรงกับที่รํ่าเรียนมา แต่ในความเป็นจริงก็ยังอยากทำอะไรที่มากกว่านี้ แต่เขายํ้าว่า ไม่มีการกำหนดสเต็ปในชีวิต เพราะมองว่าความสำเร็จเป็นส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ของชีวิตขอมองหา “ความสุข” เพราะถ้าชีวิตไม่มีความสุข มีเงินทองไปก็เท่านั้น

ในวัย 34 ปี นอกจากการนั่งเป็นซีอีโอบริษัทใหญ่ เขายังเป็นคุณพ่อลูก 3 (+ 1 ในท้องคุณภรรยา) ซึ่งก็เป็นอีกความท้าทายที่เขาชอบมาก วันนี้ชีวิตของเขาจึงเดินหน้าลุยเต็มที่ในทุกๆ หน้าที่

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,278 วันที่ 13 - 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560