สศอ. เผยผลสรุปประชุมไทย-เยอรมนี ชี้ต้องสร้างแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม 4.0

11 ก.ค. 2560 | 07:43 น.
สศอ. เผยผลสรุปประชุมไทย-เยอรมนี ชี้ต้องสร้างแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม 4.0 เร่งบูรณาการนโยบายร่วมกัน

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยผลสรุปประชุม Industry 4.0 ระหว่างไทย-เยอรมนี ชี้จำเป็นต้องสร้างแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อเป็นกลไกกลางในการบูรณาการนโยบายด้านต่าง ๆ ใหม่ เตรียมจัดตั้งคณะทำงานหุ้นส่วนความร่วมมือไทย-เยอรมนี ตามแนวประชารัฐ

ภายหลังการประชุม “Industrie 4.0 in Thailand 4.0 : German-Thai Partnership for the Industry of Tomorrow” เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2560 ณ โรงแรมดุสิตธานี  กรุงเทพฯ ได้กระตุ้นให้เกิดการหารืออย่างบูรณาการในหลายภาคส่วน และได้เสนอให้มีการจัดตั้งหุ้นส่วนความร่วมมือไทย-เยอรมนี ผ่านกลไกประชารัฐ (Public-Private Partnership : PPP) เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 ไปสู่เป้าหมายประเทศไทย 4.0โดยใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมของเยอรมนีในการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ของไทย

[caption id="attachment_177444" align="aligncenter" width="335"] นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (ผศอ.) นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (ผศอ.)[/caption]

นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (ผศอ.) เปิดเผยว่า การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรม 4.0 มีความจำเป็นที่จะต้องบูรณาการนโยบายด้านต่าง ๆ ใหม่ อาทิ นโยบายอุตสาหกรรม  นโยบายการพัฒนา SMEs  นโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม  และนโยบายการศึกษา  รวมทั้งการพัฒนาและปรับเปลี่ยนทักษะของแรงงาน  ให้สอดคล้องและส่งเสริมเกื้อกูลซึ่งกันและกัน  ทั้งนี้ จำเป็นต้องสร้างแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อเป็นกลไกกลางในการบูรณาการนโยบายต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐและเชื่อมโยงการขับเคลื่อนการดำเนินงานกับภาคเอกชน  รวมถึงความร่วมมือกับต่างประเทศ  นอกจากนี้ ผลสรุปจากการหารือโต๊ะกลมซึ่งเป็นการหารือในประเด็นเฉพาะทางที่สำคัญ 5 ด้าน ได้แก่ 1.นโยบายที่เกี่ยวข้องกับ “อุตสาหกรรม 4.0” 2.การผลิตอัจฉริยะ/การผลิตยุคใหม่  3.การก้าวสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมบริการและสังคม (กรณีสาขาบริการทางการแพทย์) 4. อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารแปรรูป และ 5.แรงงาน 4.0 ได้รับข้อเสนอแนะที่น่าสนใจหลายประการ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.การปรับตัวเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 จำเป็นต้องมีแพลตฟอร์ม (Platform) ที่ภาครัฐต้องอำนวยการจัดตั้งเพื่อเป็นกลไกผลักดันยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ตามบริบทของประเทศไทย  ให้ไปสู่ทิศทางเดียวกัน  ซึ่งประกอบด้วยภาครัฐ  และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันจัดทำยุทธศาสตร์  กรอบนโยบายด้านเทคโนโลยี  การศึกษา  และแรงงาน  โดยคำนึงถึงความต้องการที่มาจากภาคเอกชน

2.การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ควรเริ่มต้นด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศที่มีศักยภาพก่อน เพื่อเป็นการนำร่องในการพัฒนาอุตสาหกรรมระยะยาว

3.การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่ระดับปฐมวัยไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย  และจำเป็นต้องส่งเสริมภาคอาชีวศึกษาและพัฒนาทักษะที่ตรงกับลักษณะงานในอนาคต

4.ประเทศไทยควรใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นในสาขาการแพทย์  โดยควรมีมาตรฐานสำหรับเครื่องมือแพทย์อิเล็กทรอนิกส์  หรือมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้านการแพทย์  การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการแพทย์  รวมทั้งการยกระดับความสามารถบุคลากรทางการแพทย์และเภสัช

5.ประเทศไทยควรคำนึงถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบมาตรฐานทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ  อาทิ  EU Regulation เพื่อให้อาหารมีความปลอดภัย

6.การสร้างความเชื่อมโยงและมูลค่าเพิ่ม ควรสร้างความเชื่อมโยงในแต่ละห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมอาหารบริโภคและ Non food จากผู้ผลิตถึงภาคธุรกิจ  ระหว่างเกษตรกร  ผู้ผลิตอาหารแปรรูป  และผู้ค้าปลีก

นายศิริรุจ กล่าวต่อไปอีกว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะทำงานหุ้นส่วนความร่วมมือไทย-เยอรมัน ตามแนวคิดประชารัฐ  เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 โดยมีหน่วยงาน ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน  รวมทั้งบริษัทชั้นนำจากประเทศเยอรมนีซึ่งมีบทบาทในด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย  มาร่วมกันกำหนดแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ของไทยรวมทั้งขยายการเชื่อมโยงการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งอาเซียนเพื่อส่งเสริมบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจทั้งในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาคต่อไป