CEO Young Blood สร้างอาณาจักรธุรกิจด้วยวัย 18

12 ก.ค. 2560 | 00:05 น.
จากเด็กที่ชื่นชอบรับประทานขนมหวานทุกชนิด ได้สร้างแรงบันดาลใจให้สาวน้อยอย่าง กวิสรา จันทร์สว่าง มาเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรชมี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชานมไข่มุกแบรนด์ "Fresh Me"ด้วยอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น จากการศึกษาและทดลองสูตรจนได้สูตรเฉพาะในแบบของตนเอง และด้วยระยะเวลาเพียง 5 ปี Fresh Me สามารถขยายสาขาได้มากถึง 160 สาขาจากขายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชน์ โดยแบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 60% และต่างจังหวัด 40%

-สร้างร้านต้นแบบพร้อมปรับแบรนด์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในระยะเวลาอันสั้นกับด้วยอายุที่ไม่เยอะมาก Fresh Me จะขยายสาขาได้เป็นจำนวนมาก แต่กวิสรา กลับกล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า Fresh ME ถือว่าเป็นธุรกิจที่เติบโตแบบไม่ค่อยถูกทางเท่าใดนัก เพราะแบรนด์ยังไม่แข็งแรง และยังไม่เป็นที่รู้จักของบริโภคมากนัก ดังนั้น กลยุทธ์ที่สำคัญในปี 2560 คือการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนโลโก้จากเดิมที่จะมีเพียงคำว่า Fresh Me แต่โลโก้ใหม่จะมีการเพิ่มคำว่า TEA ,JUICE & MUCH MORE เพื่อรองรับการต่อยอด และแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ไปสู่เครื่องดื่ม และอาหารประเภทอื่นเพิ่มเติม

[caption id="attachment_176128" align="aligncenter" width="414"] CEO Young Blood สร้างอาณาจักรธุรกิจด้วยวัย 18 CEO Young Blood สร้างอาณาจักรธุรกิจด้วยวัย 18[/caption]

นอกจากนี้ ล่าสุดยังได้ดำเนินการสร้างร้านต้นแบบในรูปคาเฟ่เพื่อไว้สำหรับเป็นสถานที่ฝึกอบรมให้กับทีมงาน รวมถึงเป็นสถานที่ให้ลูกค้าแฟรนไชน์ได้เห็นรูปแบบของธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น และที่สำคัญเพื่อรองรับการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ไปสู่เครื่องดื่มประเภทกาแฟ และชาผสมผลไม้ โดยมีแผนเปิดสาขาแห่งที่ 2 ณ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะประมาณปลายเดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากนั้นก็จะเริ่มมีเบเกอร์รี่ รวมถึงอาหารเล็กๆน้อยๆ และผลิตภัณฑ์เดิมจาก Fresh Me ที่โดดเด่นได้รับความนิยมจากลูกค้าเข้ามาจำหน่าย

ทั้งนี้ การเปิดร้านต้นแบบ และอีก 1 สาขาที่ศูนย์ราชการฯ สอดคล้องไปกับการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูมีภาพที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าของ Fresh Me ให้กว้างมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่สาขาส่วนใหญ่ของ Fresh Me จะอยู่ในมหาวิทยาลัย และมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นนักศึกษา ทำให้แบรนด์ยังไม่มีความชัดเจน และยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในตลาด โดยจะเริ่มขยายสาขาเข้าสู่โซนที่เป็นออฟฟิตมากขึ้น แต่หากเป็นสาขาที่ไม่ใหญ่มากก็จะมีแค่ชานมตามเดิม

"เดิมทีโลโก้ของร้านจะเป็น Fresh Me เท่านั้น แต่ปัจจุบันจะมีข้อความด้านบนเพิ่มเติม เพื่อรองรับการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ในอนาคต แต่จะยังคงชื่อ Fresh Me เป็นหลักไว้ ซึ่งเวลานี้เรากำลังจะใช้ชื่อ Fresh Me ให้เกิดประโยชน์ โดยเริ่มมีผลิตภัณฑ์อื่นเพิ่มเติมเข้ามา เช่นนำผลไม้สดมาผสมในชา และขนมที่เพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งจะกลายเป็น TEA JUICE & MUCH MORE"

 

[caption id="attachment_176126" align="aligncenter" width="335"] TP13-3277-C กวิสรา จันทร์สว่าง[/caption]

-ผนึกพีทีเพิ่มการรับรู้
กวิสรา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ความชัดเจนของการสร้างแบรนด์อีกรูปแบบหนึ่งก็คือ การร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด(มหาชน) ในการขยายตลาดของ Fresh Me ไปพร้อมกับร้านสะดวกซื้อพีทีแมกซ์มาร์ทภายในปั๊มพีที เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยมีแผนที่เปิดให้ได้ 30 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งเบื้องต้นได้เปิดไปแล้วจำนวน 5 สาขาในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และจะทยอยเปิดสาขาจนครบในที่สุด

"การดำเนินการรูปแบบนี้เรียกว่าเป็นการร่วมทุน ซึ่งแตกต่างจากเดิมที่เราจะต้องดิวกับลูกค้า100 กว่าราย แต่ตอนนี้เปลี่ยนแนวคิดใหม่จากที่เคยคิดว่าจะทำอย่างไรให้โตได้เร็ว ก็มาคิดว่าจะทำอย่างไรให้สะดวกที่สุด เมื่อพีทีให้โอกาสจึงไม่ลังเลที่จะร่วมทุนทำธุรกิจ เพราะเราดิวกับเจ้าของแค่รายเดียว สามารถมีอำนาจตัดสินใจได้ทันที โดยพีทีมีแผนที่จะขยายพีทีแมกซ์มาร์ทอีกกว่า 1,000 สาขา Fresh Me ก็จะเดินควบคู่กันไป ซึ่งอาจจะไม่ได้ติดตามไปทั้งหมดทุกสาขา แต่จะเลือกทำเลที่มีศักยภาพ"

ขณะที่แผนในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้า จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง รวมถึงการเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคนึกถึงเป็นลำดับต้น (Top of mind) เมื่อนึกถึงชานมไข่มุก และขยายสาขาในต่างประเทศโดยมีแฟรนไชน์ต้นแบบ (Master franchise)ในกลุ่มประเทศ CLMV อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ จากเดิมที่มีสาขาเปิดให้บริการแล้วในรูปแบบแฟรนไชน์ที่กัมพูชา 1 สาขา ,พม่า 1 และลาว 2 สาขา อีกทั้งยังแตกไลน์ธุรกิจไปในรูปแบบอื่นๆแต่ยังคงอยู่ในสายของอาหารและเครื่องดื่ม (Food&Beverage) ที่ถนัด

-ตั้งเป้าโต 20% ทุกปี
กวิสรา กล่าวต่อไปอีกว่า จากกลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้ และในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้า เชื่อว่าจะทำให้ปี 2560 บริษัทมีรายได้เติบโตขึ้นประมาณ 20% จากปีที่ผ่านมาซึ่งบริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 60 ล้านบาท และจะเติบโตขึ้นปีละ 20% ตามแผนที่บริษัทวางไว้ในระยะกลางโดยกุญแจที่ไขไปสู่ความสำเร็จที่ยึดมาตลอดคือการไขว่คว้าทุกโอกาสที่เข้ามา และพยายามมองทุกโอกาสให้เป็นเป้าหมาย โดยที่เป้าหมายอาจปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แต่จะไม่ใช่การลดเป้าหมายของตนเอง แค่ปรับเปลี่ยนวิธีการเท่านั้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,277 วันที่ 9 - 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2560