"ศุภชัย"แย้มมีช่องทางยื่นศาลรธน. ย้ำเป็นเสือต้องไม่ร้องให้

06 ก.ค. 2560 | 08:30 น.
ประธาน กกต. ยันมีช่องทางยื่นศาลรัฐธรรนูญ ไม่หวั่นพ้นเก้าอี้ ยันป้ององค์กรให้อยู่อย่างมีคุณภาพ เป็นเสือต้องไม่ร้องให้ ต้องมีศักดิ์ศรี

วันที่ 6 กรกฎาคม 2560 นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. ) กล่าวถึงกรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ออกมาระบุว่า กกต.ยังไม่สามารถส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้เอง เนื่องจากต้องรอให้กฎหมายมีผลใช้บังคับก่อน ว่า เรื่องนี้ไปศึกษาว่ามีช่องทางใดในการยืนเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามระเบียบวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญฉบับเดิมได้หรือไม่ เพราะ กกต.มีมติเอกฉันท์เห็นว่า 6 ประเด็นในร่างพ.ร.ป.กกต. ขัดต่อเจตนารมของรัฐธรรมนูญ ส่วนช่องทางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (1) เป็นเพียงชองทางที่ให้อำนาจ หรือที่ศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณาว่าร่างกฎหมาย หรือ กฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้น กกต.จึงต้องหารือกัน ไม่ใช่ยื่นไปแล้วเสียรางวัด ส่วนจะใช่ช่องทางใดในการยื่นนั้น ยังบอกไม่ได้ ถือเป็นอาวุธลับ เพราะทุกฝ่ายก็มีอาวุธลับเป็นของตัวเอง
ส่วนกรณีที่ประธานกรธ. ระบุว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าความเห็นแย้งของกกต.ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กกต.ที่ทำหน้าที่จะต้องพ้นสภาพไปทันทีนั้น ตนมองว่าจะพ้นไปทันที่หรือไม่ เราไม่วิตก เราพร้อมไปอยู่แล้ว ไม่ได้กังวลอะไร แต่ถ้าศาลรัฐธรรมูญเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ ก็จะทำให้กฎหมายฉบันนี้ตกไป ใช้บังคับไม่ได้ เราไม่ต้องรักษาการ แต่เราก็ยังอยู่ตามกฎหมายพิเศษ ไม่ได้ไปทันที ซึ่งไม่ขอบบอกว่าเป็นกฎหมายอะไร

"พวกเราไม่ได้กังวล จะช้าหรือเร็ว เราก็ต้องไปอยู่ดี ถ้าเราไปเร็วเราก็ได้พักผ่อน ไม่ต้องมากังวลหรือถกเถียงอะไรให้วุ่นวาย แม้ตัวเราจะต้องพ้นจากตำแหน่งไป แต่ก็ต้องรักษาองค์กรให้อยู่อย่างมีคุณภาพ เป็นเสือต้องไม่ร้องให้ ต้องมีศักดิ์ศรี"นายศุภชัย กล่าว
Supachai.-2
เมื่อถามว่าการที่ กกต.มีมติตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีและ สนช. จะเป็นการต่อรองกันหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นการต่อรอง แต่เป็นอำนาจหน้าที่ ที่กกต.ต้องพิจารณารัฐธรรมนูญ เมื่อ ครม. รัฐมนตรี หรือ สนช.มีคุณสมบัติไม่ครบตามรัฐธรรมนูญต้องมีเหตุให้พ้นจากตำแหน่ง แต่กรณีนี้นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เป็นผู้ยื่นคำร้องมาให้ กกต.ตรวจสอบ เมื่อยื่นเข้ามา กกต.ก็ต้องตรวจสอบก่อน ไม่ใช่ยื่นส่งฟ้องศาลทันที ต้องดูว่าคำร้องถูกต้อง มีมูล ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าเราไม่รับเรื่องมาก็จะโดนข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่อีก อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กรณีนี้ไม่ได้ต่อร่องเรื่องเซ็ตซีโร่ เรามีหน้าที่อะไรก็ทำไป ไม่คิดว่าจะยื้อเพื่อให้อยู่ในตำแหน่ง เราต้องรอบคอบ เพราะกรณีนี้เป็นเรื่องของการประทบสิทธิ และไม่กลัวที่จะต้องพ้นจากตำแหน่งจากคำวินิยฉัยของศาล หรือดำสั่งพิเศษใดๆ

สำหรับกรณีที่กรธ. ตั้ง 3 ประเด็นแย้ง ร่างพ.ร.ป.พรรคการเมืองนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็น 3 ประเด็นข้อโต้แย้งของ กรธ.เกี่ยวกับร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งว่าจะส่งมาถึง กกต.ในวันนี้ (6 ก.ค.60) และในชั้นของกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ตนจะยืนยันตามมติ กกต.ว่าไม่มีบทบัญยัติใดที่ขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของแนวทางปฎิบัติ ส่วนที่ประธานกรธ. ออกมาระบุว่าระบบไพรมารีโหวตเป็นการตัดสิทธิหัวหน้าพรรคการเมืองไม่ให้ลงสมัครส.ส.เขต เป็นการขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญนั้น ที่ผ่านมา กกต.ได้ถามเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติ ทั้งเจ้าหน้าที่ และผู้บริหารของสำนักงาน กกต.ก็ยืนยันวา สามารถปฎิบัติได้ ไม่มีปัญหาอะไร และที่เราเห็นว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญไมได้เป็นการวางยา เพราะผู้บริหารฯ และพนักงานมีประสบการณ์เกี่ยวกับเลือกตั้งถึง 19 ปี

เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับอดีต กกต.ที่อยู่ในกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดคุยหรือล๊อบบี้ เพราะทุกคนเป็นผู้ใหญ่ การพิจารณาจะต้องยึดหลักเหตุและผล ไมได้มีการล๊อบบี้ เพราะการล๊อบบี้เป็นเรื่องที่ผิด ไม่มีใครทำกัน เรื่องล๊อบบี้แค่คิดก็ผิดแล้ว ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาอย่างไรเราต้องเคารพ เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร จะไปโย้แย้งไม่ได้