ECF-QTC-VTEคาดเริ่มจ่ายไฟเมียนมาต้นปี'61

05 ก.ค. 2560 | 09:21 น.
3 บจ. "ECF-QTC-VTE" ผงาดลงทุนเมียนมา แบ่งเค้กโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 220 เมกะวัตต์ ของ GEP คาดเริ่มจ่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้ปี 61  สัญญานาน 30 ปี

รายงานข่าวจากบริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC และ บริษัท วินเทจ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ VTE ร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ขนาด 220 เมกกะวัตต์ ที่เมืองมินบู รัฐมาเกวย ประเทศเมียนมาร์ ผ่านบริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด (GEP) ซึ่งมีบริษัทย่อย 1 แห่งถือหุ้น 100% คือ บริษัท จีอีพี (เมียนมาร์) จำกัด (GEP-Myanmar) เป็นบริษัทสัญชาติเมียนมาร์ ซึ่งได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า กับ Electric Power Generation Enterprise (EPGE) ซึ่งเป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้ Ministry of Electricity and Energy ของเมียนมาร์ ทั้งนี้มูลค่าโครงการประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

EPGE จะรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการดังกล่าวสูงสุด 170 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในอัตราการรับซื้อไฟฟ้าคงที่ที่ 0.1275 เหรียญสหรัฐต่อหน่วยไฟฟ้า ตลอดอายุสัญญา หรือประมาณ 4.50 บาท โครงการผลิตไฟฟ้า แบ่งเป็น 4 เฟส มีระยะเวลาห่างกันทุก ๆ 1 ปี รวมกำลังผลิตติดตั้งทั้งสิ้น 220 เมกะวัตต์ อัตราการรับซื้อสูงสุด 170 เมกะวัตต์ เริ่ม COD เฟส 1 จำนวน 50 เมกะวัตต์ ประมาณเดือนมี.ค.-เม.ย.2561 รวม 4 เฟสจะในปี 2563 ซึ่งเร็วกว่าแผนที่จะเสร็จในปี 2564

[caption id="attachment_175030" align="aligncenter" width="335"] นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ กรรมการและกรรมการบริหาร VTE นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ กรรมการและกรรมการบริหาร VTE[/caption]

“ทั้ง 4 เฟสคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 17 ล้านเหรียญต่อปี กำไรก่อนหักภาษีค่าเสื่อมและดอกเบี้ยประมาณ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฟสแรกได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารกรุงไทย 60% และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 40% ของเงินกู้ทั้งหมด 48 ล้านเหรียญสหรัฐ”นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ กรรมการและกรรมการบริหาร VTE กล่าว

สำหรับโครงสร้างถือหุ้น GEP ถือโดยบริษัท อีซีเอฟ พาวเวอร์ จำกัด (ECF-Power) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย  ECF ถือหุ้น 20% บริษัท คิวทีซีโกลบอลพาวเวอร์ จํากัด (QTCGP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย QTC ถือ 15% และ VTE ถือ 12% ส่วนที่เหลือ Planet Energy Holdings Pte. Ltd. สัญชาติสิงคโปร์ ถือหุ้น 48% และNoble Planet Pte. Ltd.สัญชาติสิงคโปร์ ถือ 5%

[caption id="attachment_175031" align="aligncenter" width="335"] นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ECF นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ECF[/caption]

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ECF กล่าวว่าเป็นโอกาสสำคัญได้ขยายธุรกิจการลงทุนสู่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งคาดว่าจะสร้างส่วนแบ่งกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการศึกษาข้อมูล ECF จะได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนสำหรับระยะเวลา 30 ปี ไม่ต่ำกว่า 8% และช่วยต่อยอดขยายการลงทุนไปสู่ในพลังงานทดแทนอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในเมียนมาร์ต่อไป นับจากวันที่ 1 ก.ค.2560 บริษัทเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งการลงทุนจากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล 7.5 เมกะวัตต์ จังหวัดนราธิวาส

[caption id="attachment_175029" align="aligncenter" width="336"] นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประเจ้าหน้าที่บริหาร QTC นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประเจ้าหน้าที่บริหาร QTC[/caption]

นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประเจ้าหน้าที่บริหาร QTC เปิดเผยว่า การเข้าถือหุ้นของบริษัทย่อยคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 267.09 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแรกที่คาดว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการลงทุนในธุรกิจพลังงานประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ส่วนโครงการที่ 2 คือการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ L Solar ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 นี้ หนุนผลงานปี 60 ดีขึ้นในอนาคต

นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ กรรมการและกรรมการบริหาร VTE เปิดเผยว่า นอกจากบริษัทฯ ถือหุ้นสัดส่วน 12% แล้ว ยังเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างและพัฒนาโครงการทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในวงกว้างยิ่งขึ้นเป็นการเปิดประตูแห่งโอกาสทางธุรกิจของ VTE ทั้งส่วนที่เป็นงานรับเหมาก่อสร้างและพลังงานทดแทนให้ขยายตัวต่อไปในอนาคตได้มากกว่าเดิม