ไทย-ญี่ปุ่นบูมน้ำพุร้อนกระบี่

06 ก.ค. 2560 | 08:35 น.
เที่ยวญี่ปุ่นไม่ต้องทำวีซ่า เอื้อคนไทยเที่ยวญี่ปุ่นปีที่แล้วทะลุ 9 แสนคนเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว เผยส่งผลดีต่อการเผยแพร่วัฒนธรรมอันดีของไทยในวงกว้าง เดินหน้าร่วมมือททท.ส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน 2 ประเทศ ล่าสุดจ.กระบี่ หารือกับจ.กุมมะ พัฒนาน้ำพุร้อนคล่องท่อม

นับตั้งแต่รัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น 15 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า ครบกำหนด 3 ปีไปแล้ว และได้มีการขยายเวลาต่อไปอีก 3 ปี จัดว่าเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น

[caption id="attachment_68801" align="aligncenter" width="335"] บรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโตเกียว บรรสาน บุนนาค
เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโตเกียว[/caption]

นายบรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าในระยะเวลาที่ผ่านมา การส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น โดยการผ่อนปรนมาตรการด้านวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆรวมถึงไทย ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วย โดยตั้งแต่มีการยกเว้นการตรวจลงตรา สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย เมื่อปี 2556 จำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางมาญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อปี 2559 มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่น จำนวน 901,500 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ประมาณ 6.5%

การที่นักท่องเที่ยวชาวไทย เดินทางมาญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น อาจมองได้ว่าเป็นการไหลออกของเงินตราจากไทยและอาจะมีกรณีการหลบหนีหรืออยู่ต่อในญี่ปุ่นเกินกำหนดบ้าง แต่ในด้านบวก การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวไทย ในญี่ปุ่น ย่อมหมายถึงการมีสัมพันธ์ระดับประชาชนที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญของความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น และเป็นโอกาสในการเผยแพร่ภาพลักษณ์ รวมทั้งศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของไทยในวงกว้าง

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เดินทางไปประเทศไทยเมื่อปี2559 มีจำนวน 1.44 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี2558 ประมาณ2.1% ก็แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นนิยมเดินทางไปประเทศไทยอย่างมากเช่นกัน ซึ่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวถือว่ามีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยด้วย

[caption id="attachment_174206" align="aligncenter" width="501"] ไทย-ญี่ปุ่นบูมน้ำพุร้อนกระบี่ ไทย-ญี่ปุ่นบูมน้ำพุร้อนกระบี่[/caption]

ดังนั้นสิ่งที่สถานเอกอัครราชทูตฯและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ การร่วมมือกับจังหวัดต่างๆของญี่ปุ่นในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในทั้ง 2 ประเทศ ทั้งในรูปแบบของการสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง และการร่วมมือทางด้านเทคนิคเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว,แหล่งท่องเที่ยวของไทย และญี่ปุ่น ให้ตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ ล่าสุดจังหวัดกระบี่ ได้มีการหารือกับจังหวัดกุมมะ เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำพุร้อน ที่อ.คลองท่อม ให้ได้มาตรฐานเหมือนในประเทศญี่ปุ่นด้วย

ประกอบกับตลอดทั้งปีนี้ไทยและญี่ปุ่น ยังได้ร่วมจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 130 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศ อาทิ ในวันที่ 26 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ฯรัฐบาลไทยได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ที่เป็นไฮไลท์ให้กับประชาชนญี่ปุ่น คือ การนำวง รอยัลแบ็งคอก ซิสโฟนี ออร์เคสตร้า พร้อมศิลปินที่มีชื่อเสียงของไทย มาแสดงที่ Suntory Hall ในกรุงโตเกียว รวมถึงรัฐบาลไทยจะร่วมกับจังหวัดฮอกไกโดในการก่อสร้างศาลาไทยที่เมืองซัปโปโร เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการฉลองความสัมพันธ์ดังกล่าว และในปี 2560

ส่วนปัญหาคนไทยแอบอยู่ต่อหลังพ้นกำหนดวีซ่านั้น ปัจจุบันมีชาวไทยพำนักอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 5.2 หมื่นคน แบ่งเป็นผู้ที่พำนักอาศัยแบบถูกต้องตามกฎหมายประมาณ 4.6 หมื่นคนและแบบไม่ถูกกฎหมายประมาณ 6 พันคน ซึ่งในจำนวนที่ไม่ถูกกฎหมายนี้ ประมาณ 90% เป็นกรณีหนีวีซ่า

ที่ผ่านมาสถานเอกอัครราชทูตและกระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมการกงสุล ได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลให้แก่ชาวไทยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ดี การแก้ปัญหาการหลบหนีวีซ่าโดยทางตรง จำเป็นต้องได้รบความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งจากหน่วยงานท้องถิ่นในต่างจังหวัด เพื่อให้คนไทยได้รับทราบข้อเท็จจริงว่า การหลบหนีวีซ่าเป็นความผิดทางอาญาและนายจ้างในญี่ปุ่นจะไม่จ้างผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมายเข้าทำงาน

อย่างไรก็ตาม โดยคำนึงถึงภารกิจหลักของสถานเอกอัครราชทูตในการคุ้มครองดูแลคนไทย ดังนั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูต จึงได้ให้ความช่วยเหลือคนไทยตกทุกข์ได้ยากในทุกรูปแบบทั้งที่พำนักอาศัยแบบถูกต้องตามกฎหมาย และแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,276 วันที่ 6 - 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2560