สสว.ปลื้มพัฒนาเอสเอ็มอีสร้างยอดขายทะลัก
สสว. ประกาศความสำเร็จโครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโตปี 2559 เกินเป้า ปลื้มผู้ประกอบการสนใจสมัครร่วมโครงการถึง 11,303 ราย พัฒนาให้เติบโตได้ด้วยการขายสินค้า online พาบุกเบิกตลาดต่างประเทศ
[caption id="attachment_172137" align="aligncenter" width="335"]
นางสาลินี วังตาล[/caption]
นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว. ได้ดำเนินการโครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต (SMEStrong / RegularLevel) ในปีงบประมาณ 2559 ถือว่าได้ผลเกินความคาดหมาย โดยมีผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมโครงการมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 10,000 ราย แต่สนใจสมัครร่วมโครงการถึง 11,303 รายและสามารถพัฒนาธุรกิจ SMEไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ผลจากการพาบุกตลาดต่างประเทศ 9 ประเทศ สร้างยอดขายสินค้าและการเจรจาธุรกิจได้ทั้งสิ้น 1,936.96 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต (SMEStrong / RegularLevel) สสว. ได้ให้ผู้ประกอบการประเมินความต้องการของตนเองว่าต้องการปรับปรุงในเรื่องใด และได้จัดกิจกรรมเพื่อเสริมความเข้มแข็งให้ SME ที่เข้าร่วมโครงการ ไม่ว่าจะเป็น การสนับสนุน SME จำนวน 1,100ราย ให้นำสินค้า 8,000 รายการ จำหน่ายขายผ่านทาง online โดยให้บริการถ่ายรูปสินค้าและจัดทำคำอธิบายสินค้า 3 ภาษา โดยไม่มีค่าใช้จ่าย คือ ไทย จีน และอังกฤษ จนสามารถจำหน่ายใน Website ซึ่งเป็นที่นิยม อาทิ lazada.com, weloveshopping.com, smesiam.com, thaitrade.com
รวมทั้ง ร่วมกับสถาบันอาหารและยา (อย.) และบริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นทรัลแล็บ สนับสนุนให้ SME ประเภทอาหารและเครื่องสำอาง จดทะเบียนกับ อย. ได้เร็วขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่าย ขณะนี้มี SME 25 รายสามารถจดทะเบียนกับ อย. ได้แล้ว และอยู่ในระหว่างดำเนินการอีกจำนวนหนึ่ง
อีกทั้ง สสว. นำผู้ประกอบการ SMEไทยจำนวน 361 ราย จัดกิจกรรมแสดงสินค้าและจับคู่เจรจาธุรกิจ ใน 9 ประเทศอาทิอิหร่าน, รัสเซีย, ศรีลังกา, เกาหลีใต้, รัฐสุลต่านโอมาน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, จีน, กัมพูชา และตุรกี สร้างรายได้และเจรจาธุรกิจทั้งสิ้น 1,631 ล้านบาทส่วนผู้ประกอบการ SMEของไทยอีกกลุ่มที่มีศักยภาพ สสว. มีการจัดกิจกรรมแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจในประเทศ 264 ราย คิดเป็นมูลค่า 305.96 ล้านบาท รวมเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับการสนับสนุนด้านการตลาด 625 ราย มียอดขายรวมกัน1,936.96ล้านบาท
ส่วน SMEที่มาเข้าโครงการฯ 2,200รายที่เข้าข่ายเป็น StrongSME กล่าวคือ มียอดขายเติบโตในอัตราสูงอย่างต่อเนื่องสสว. ได้จัดผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าไป coaching เป็นรายตัว โดยช่วยปรับปรุงทางด้านการตลาด การเพิ่มนวัตกรรม การบริหารจัดการและการเงิน
“ แม้โครงการ Regular SME ประจำปี 2559 จะจบลงแล้ว สสว. จะยังคงติดตามดูแลพัฒนาการของ SME ที่มาเข้าร่วมโครงการเพื่อให้ SME เหล่านี้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไปโดยในปี 2560 คณะอนุกรรมการบริหาร สสว. ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานได้อนุมัติให้เพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุม MicroSMEและวิสาหกิจชุมชน โดยจะเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการรายย่อย 1 หมื่นราย ด้วยการให้ความรู้ทางด้านการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อผู้ประกอบการรายย่อยสามารถปรับปรุงสินค้าและบริการให้เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น แจกคูปองให้นำสินค้าไปตรวจสอบการปลอดสารปนเปื้อน และวิเคราะห์ข้อมูลทางโภชนาการกับเซ็นทรัลแล็บ และหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยจัดทำบัญชี ซึ่งการเสริมศักยภาพนี้จะทำควบคู่ไปกับการให้กู้ยืมโดยไม่คิดอัตราดอกเบี้ย รายละไม่เกิน 2 แสนบาท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy)” นางสาลินี กล่าว
[caption id="attachment_172137" align="aligncenter" width="335"]
นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว. ได้ดำเนินการโครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต (SMEStrong / RegularLevel) ในปีงบประมาณ 2559 ถือว่าได้ผลเกินความคาดหมาย โดยมีผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมโครงการมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 10,000 ราย แต่สนใจสมัครร่วมโครงการถึง 11,303 รายและสามารถพัฒนาธุรกิจ SMEไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ผลจากการพาบุกตลาดต่างประเทศ 9 ประเทศ สร้างยอดขายสินค้าและการเจรจาธุรกิจได้ทั้งสิ้น 1,936.96 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต (SMEStrong / RegularLevel) สสว. ได้ให้ผู้ประกอบการประเมินความต้องการของตนเองว่าต้องการปรับปรุงในเรื่องใด และได้จัดกิจกรรมเพื่อเสริมความเข้มแข็งให้ SME ที่เข้าร่วมโครงการ ไม่ว่าจะเป็น การสนับสนุน SME จำนวน 1,100ราย ให้นำสินค้า 8,000 รายการ จำหน่ายขายผ่านทาง online โดยให้บริการถ่ายรูปสินค้าและจัดทำคำอธิบายสินค้า 3 ภาษา โดยไม่มีค่าใช้จ่าย คือ ไทย จีน และอังกฤษ จนสามารถจำหน่ายใน Website ซึ่งเป็นที่นิยม อาทิ lazada.com, weloveshopping.com, smesiam.com, thaitrade.com
รวมทั้ง ร่วมกับสถาบันอาหารและยา (อย.) และบริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นทรัลแล็บ สนับสนุนให้ SME ประเภทอาหารและเครื่องสำอาง จดทะเบียนกับ อย. ได้เร็วขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่าย ขณะนี้มี SME 25 รายสามารถจดทะเบียนกับ อย. ได้แล้ว และอยู่ในระหว่างดำเนินการอีกจำนวนหนึ่ง
อีกทั้ง สสว. นำผู้ประกอบการ SMEไทยจำนวน 361 ราย จัดกิจกรรมแสดงสินค้าและจับคู่เจรจาธุรกิจ ใน 9 ประเทศอาทิอิหร่าน, รัสเซีย, ศรีลังกา, เกาหลีใต้, รัฐสุลต่านโอมาน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, จีน, กัมพูชา และตุรกี สร้างรายได้และเจรจาธุรกิจทั้งสิ้น 1,631 ล้านบาทส่วนผู้ประกอบการ SMEของไทยอีกกลุ่มที่มีศักยภาพ สสว. มีการจัดกิจกรรมแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจในประเทศ 264 ราย คิดเป็นมูลค่า 305.96 ล้านบาท รวมเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับการสนับสนุนด้านการตลาด 625 ราย มียอดขายรวมกัน1,936.96ล้านบาท
ส่วน SMEที่มาเข้าโครงการฯ 2,200รายที่เข้าข่ายเป็น StrongSME กล่าวคือ มียอดขายเติบโตในอัตราสูงอย่างต่อเนื่องสสว. ได้จัดผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าไป coaching เป็นรายตัว โดยช่วยปรับปรุงทางด้านการตลาด การเพิ่มนวัตกรรม การบริหารจัดการและการเงิน
“ แม้โครงการ Regular SME ประจำปี 2559 จะจบลงแล้ว สสว. จะยังคงติดตามดูแลพัฒนาการของ SME ที่มาเข้าร่วมโครงการเพื่อให้ SME เหล่านี้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไปโดยในปี 2560 คณะอนุกรรมการบริหาร สสว. ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานได้อนุมัติให้เพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุม MicroSMEและวิสาหกิจชุมชน โดยจะเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการรายย่อย 1 หมื่นราย ด้วยการให้ความรู้ทางด้านการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อผู้ประกอบการรายย่อยสามารถปรับปรุงสินค้าและบริการให้เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น แจกคูปองให้นำสินค้าไปตรวจสอบการปลอดสารปนเปื้อน และวิเคราะห์ข้อมูลทางโภชนาการกับเซ็นทรัลแล็บ และหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยจัดทำบัญชี ซึ่งการเสริมศักยภาพนี้จะทำควบคู่ไปกับการให้กู้ยืมโดยไม่คิดอัตราดอกเบี้ย รายละไม่เกิน 2 แสนบาท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy)” นางสาลินี กล่าว