สศอ.เผยภาคผลิตพ.ค.ขยายตัว 1.4%

30 มิ.ย. 2560 | 07:55 น.
สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพ.ค. 2560 ขยายตัว 1.4% ส่งสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นของเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ได้อานิสงส์อุตสาหกรรม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง เนื้อไก่ แช่แข็ง น้ำมันปิโตรเลียม และน้ำมันพืช

นายวีรศักดิ์ ศุภประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือนพฤษภาคม ขยายตัวขึ้น 1.4% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม 5 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัว 0.15% ส่งสัญญาณบ่งบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว เช่นเดียวกันกับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำแท่ง) ที่ขยายตัวถึง 17.6% รวมถึงการนำเข้าสินค้าทุนที่ขยายตัว 15.6% และการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำแท่ง) ที่ขยายตัวถึง 21.5%

โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) มีการขยายตัว ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.17% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากแนวโน้มความต้องการใช้สินค้าในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ โดยเป็นไปตามเทรนด์เทคโนโลยี IOT ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว จึงมีคำสั่งซื้อสินค้าจำพวก Other ICs, Transistors, Monolithic ICs และ PCBA มากขึ้น ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8.05% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน จากผลิตภัณฑ์ยางแผ่น เนื่องจากในปีก่อนวัตถุดิบน้ำยางสำหรับผลิตมีจำนวนน้อยกว่าในปีนี้ อีกทั้งผู้ผลิตบางรายมีการเพิ่มทุนและขยายการผลิต ทำให้การผลิตเพิ่มสูงขึ้นมาก IMG_0025

เนื้อไก่แช่แข็ง ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.49% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน จากเนื้อไก่แช่แข็งและแช่เย็นที่ขยายตลาดทั้งในประเทศและส่งออกได้เพิ่มขึ้น รวมถึงประเทศผู้ผลิตไก่รายใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ พบการระบาดของโรคไข้หวัดนก รวมทั้งผู้ผลิตเนื้อไก่ในบราซิลประสบปัญหาในเรื่องคุณภาพของเนื้อไก่ ทำให้หลายประเทศนำเข้าเนื้อไก่จากไทยที่มีมาตรฐานในการผลิตมากกว่า

สำหรับน้ำมันปิโตรเลียม ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.13% เนื่องจากในปีก่อนโรงกลั่นมีการหยุดเพื่อซ่อมบำรุงทั้งโรงกลั่นมากกว่าในปีนี้ โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเบนซินออกเทน 91 ไร้สารตะกั่ว และน้ำมันเตาชนิดที่ 5 น้ำมันพืช ขยายตัวเพิ่มขึ้น 22.05% จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เนื่องจากปีก่อนมีภาวะภัยแล้งทำให้ได้ผลผลิตปาล์มน้อย แต่ปีนี้มีฝนตกชุกและแล้งน้อยกว่าทำให้ได้ผลผลิตปาล์มมากกว่า รวมถึงมีมาตรการดูแลราคาปาล์มน้ำมัน ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ตัดปาล์มในเปอร์เซ็นต์น้ำมัน (yield) ตั้งแต่ 18-20% มากขึ้น และได้ปริมาณน้ำมันที่สกัดได้เพิ่มขึ้นด้วย

นายวีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ยังมีบางอุตสาหกรรมที่หดตัว ได้แก่ เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ปรับตัวลดลง 17.15% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากแนวโน้มราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวลง ลูกค้าจึงชะลอคำสั่งซื้อและบริหารสต็อกที่มีอยู่ในมือแทน รวมถึงปีนี้ฝนตกชุกและตกเร็วกว่าปีก่อน ทำให้การก่อสร้างทำได้ล่าช้ากว่าปกติ

เครื่องประดับ ปรับตัวลดลง 36.53% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากลูกค้าระมัดระวังในการใช้จ่ายซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยมากขึ้น รวมถึงภัยก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ส่งผลให้ผู้สั่งซื้อชะลอการนำเข้าไปด้วย น้ำดื่ม ปรับตัวลดลงร้อยละ 14.50 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากในปีนี้ฤดูฝนมาเร็วและตกชุกทำให้สภาพอากาศไม่ร้อนจัด ส่งผลให้ความต้องการสินค้าในตลาดลดลง และผู้ผลิตชะลอการผลิตหลังแคมเปญกระตุ้นตลาดของผู้ผลิตรายใหญ่สิ้นสุดลง