“บิ๊กตู่”ยันหอชมเมืองกรุงเทพฯไม่เอื้อใคร       

28 มิ.ย. 2560 | 10:58 น.
นายกรัฐมนตรียืนยันการสร้างหอชมเมืองกรุงเทพฯ ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร ระบุไม่ได้ใช้งบประมาณของรัฐในการสร้าง ไฟเขียวยกเว้นประมูลเพื่อไม่ล่าช้า ห้ามหากำไรมาแบ่งกัน เป็นโครงการเชิงสังคม

ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติอนุมัติให้ยกเว้นโครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุ เลขที่ทะเบียน กท.3275 ตั้งอยู่ในซอยเจริญนคร 7 ถนนเจริญนคร  เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เพื่อก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร สามารถดำเนินการคัดเลือกเอกชนได้โดยไม่ใช้วิธีประมูลนั้น ล่าสุด(28 มิถุนายน 2560) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการใช้งบประมาณของรัฐบาล จึงขอให้สื่อมวลชนชี้แจงให้ประชาชนทราบและเข้าใจ เพราะสิ่งที่ทำเป็นโครงการที่เสนอขึ้นมามีการจัดตั้งคณะกรรมการ รวมถึงมีการพิจารณามานานแล้ว ซึ่งรัฐบาลมองเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในการเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ทำเป็นหอชมเมืองให้ประชาชนขึ้นไปชม โดยภายในเป็นพิพิธภัณฑ์จะมีทั้งประวัติศาสตร์ชาติไทย และสถาบัน พร้อมกล่าวยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับภาคธุรกิจ

[caption id="attachment_167304" align="aligncenter" width="503"] พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา[/caption]

 

โดยหลังการประชุมครม.วานนี้(27 มิถุนายน 2560) พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติให้ยกเว้นโครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุ เลขที่ทะเบียน กท.3275 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร โดยพื้นที่โครงการนี้จะตั้งอยู่ในซอยเจริญนคร 7 ถนนเจริญนคร เพื่อก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร สามารถดำเนินการคัดเลือกเอกชนได้โดยไม่ใช้วิธีประมูลตามประกาศของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ

สืบเนื่องจากวันที่ 13 ธ.ค. 2559 ครม. มีมติเห็นชอบให้โครงการการก่อสร้างหอชมเมือง เป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาลมีมูลค่า 4621.47 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นต้นแบบในการน้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้ดำเนินโครงการ โดยจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีความโดดเด่นของเอกลักษณ์ไทย และเป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งยุค โดยใช้เทคโนโลยีและความรู้ชั้นสูงทางด้านการออกแบบวิศวกรรม บริหารจัดการที่ล้ำสมัย ตามนโยบายของรัฐบาลไทยแลนด์ 4.0 ทั้งนี้จะมีการให้นักเรียน นักศึกษาเข้ามาร่วมเรียนรู้ในขั้นตอนการก่อสร้าง เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาของเยาวชนของคนไทย

พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่โครงการนี้ไม่ให้มีการเปิดประมูล เนื่องจากจะทำให้มีความล่าช้า และอาจจะส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ของโครงการ รวมถึงอาจจะไม่มีเอกชนรายใดสนใจดำเนินโครงการ เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่และมีรูปแบบการดำเนินการเชิงสังคม ทั้งนี้มีเงื่อนไขว่า เอกชนที่จะมาดำเนินการจะต้องจัดทำแผนบริหารการสัญจร การรักษาสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาชุมชนในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ส่งให้กรมธนารักษ์และกระทรวงการคลังพิจารณา รวมถึงให้นำรายได้ที่เหลือจากการดำเนินการทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่าย ให้นำไปดำเนินการในเชิงสังคม ไม่ให้นำมาแบ่งปันกัน

นอกจากนี้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ให้มีการเตรียมการการวางแผนการจัดการจราจร บริเวณพื้นที่ดังกล่าวด้วย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวนี้มีโครงการใหญ่หลายโครงการซึ่งกำลังก่อสร้าง เพื่อบรรเทาการจราจรติดขัด นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการกำชับเพิ่มเติมด้วยว่า การดำเนินการโครงการใหญ่จะต้องมีความโปร่งใส ให้เกิดความเป็นธรรมและไม่มีการเอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด