ทอท.ทุ่ม 2.2 แสนล.ขยายสนามบิน-รุกเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์  

ทอท.ครบรอบการดำเนินงาน 38 ปี พร้อมแถลงทิศทางการดำเนินงานที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมุ่งมั่นพัฒนาขีดความสามารถของท่าอากาศยาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการบินของประเทศ

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 ทอท.จะดำเนินธุรกิจครบรอบ 38 ปี โดยมีท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของ ทอท.ทั้งหมด 6 แห่ง ได้แก่  ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ทอท.จึงมีบทบาทในการเป็นพื้นฐานที่สำคัญของภาคอุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศ ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมนี้มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีความหลากหลาย สร้างสรรค์และท้าทายยิ่งขึ้น ตลอดระยะเวลาดำเนินกิจการ ทอท.ได้ติดตามความเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในอุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการ โดยมีการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ

[caption id="attachment_170983" align="aligncenter" width="335"] นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.[/caption]

นอกจากนั้น จากการที่ ทอท.มีสถานะเป็นรัฐพาณิชย์ จึงต้องบริหารความสมดุลระหว่างบทบาทเชิงรัฐที่ตระหนักถึงผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก และบทบาทเชิงพาณิชย์ที่จะต้องสร้างรายได้ เพื่อนำไปพัฒนาท่าอากาศยานในการเสริมศักยภาพของประเทศและความพึงพอใจของผู้ใช้บริการเพื่อสร้างการบริการที่มีความประทับใจที่จะส่งผลให้องค์กรดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

สำหรับผลการดำเนินงานด้านการให้บริการ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ตลอด 38 ปีที่ผ่านมา ทอท.ได้ให้บริการผู้โดยสารทั้งสิ้น จำนวน 1,498,657,826 คน และเที่ยวบินจำนวน 10,215,697 เที่ยวบิน ปัจจุบันมีสายการบินให้บริการเที่ยวบินประจำ 132 สายการบิน

ทั้งนี้ผลการดำเนินงานด้านการให้บริการในรอบ 8 เดือนของปีงบประมาณ 2560 (เดือนตุลาคม 2559 – พฤษภาคม 2560) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท.จำนวน 86,942,131 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.17 โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 48,250,239 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.56 และผู้โดยสารภายในประเทศ 38,691,892 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.61 ซึ่งผู้โดยสารแยกตามสัญชาติที่มาใช้บริการมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รัสเซีย และอินเดีย มีเที่ยวบินจำนวน 551,405 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.21 โดยแบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 274,796 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.07 และเที่ยวบินภายในประเทศ 276,609 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.68  และการขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์จำนวน 1,040,881 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.19 ซึ่งปริมาณการขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ของ ทสภ.เพิ่มขึ้น โดยการส่งออกปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน และกลุ่มประเทศอาเซียนในเขตอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (CLMV) และการปรับตัวดีขึ้นของราคาสินค้าในตลาดโลก รวมถึงการนำเข้าที่ขยายตัวได้เร็วขึ้น

ส่วนปริมาณการจราจรทางอากาศแบ่งเป็นแต่ละท่าอากาศยานในรอบ 8 เดือน ได้แก่ ทสภ.มีเที่ยวบินทั้งสิ้น 229,722 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.87 มีผู้โดยสาร 39,674,846 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.89  และการขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์จำนวน 936,877 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.75 ทดม.มีเที่ยวบินทั้งสิ้น 169,943 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.29 มีผู้โดยสาร 24,820,694 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.36 และการขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ จำนวน 47,032 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.08 ทภก.มีเที่ยวบินทั้งสิ้น 70,484 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.16 มีผู้โดยสาร 11,047,235 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.95  และการขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์จำนวน 32,723 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.97  ทชม.มีเที่ยวบินทั้งสิ้น 49,283 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.82 มีผู้โดยสาร 6,806,969 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.53 และการขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์จำนวน 12,693 ตัน ลดลงร้อยละ 2.21  ทหญ.มีเที่ยวบินทั้งสิ้น 20,402 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.08  ผู้โดยสาร 2,941,947 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.05 และการขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์จำนวน 8,031 ตัน ลดลงร้อยละ 2.94  ทชร.มีเที่ยวบินทั้งสิ้น 11,571 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.10 มีผู้โดยสาร 1,650,440 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.19 และการขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์จำนวน 3,525 ตัน ลดลงร้อยละ 11.16

ด้านปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ณ ทชร.เนื่องจากการเริ่มทำการบินของสายการบิน Hong Kong Express Airways เมื่อเดือนธันวาคม 2559 และสายการบิน Beijing Capital Airline เมื่อเดือนมีนาคม 2560 และในเดือนกรกฎาคม 2560 จะมีสายการบินอีก 3 สายการบินเริ่มทำการบินมายัง ทชร.ได้แก่ สายการบิน New Gen Airways สายการบินเสฉวนแอร์ไลน์ และสายการบิน Loong Air

ในส่วนของผลประกอบการ ทอท.รอบ 6 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 – 31 มีนาคม 2560 (งบการเงินเฉพาะบริษัท) ทอท.มีรายได้จากการขายหรือการให้บริการ 26,859,549,839 บาท และรายได้อื่น 898,086,581 บาท รวมรายได้คิดเป็น 27,757,636,420 บาท และมีค่าใช้จ่าย 13,416,925,958 บาท และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 2,893,510,893 บาท จึงทำให้มีกำไรสำหรับงวดดังกล่าว จำนวน 11,447,199,569 บาท

นายนิตินัย กล่าวเกี่ยวกับการพัฒนารายได้เชิงพาณิชย์ว่า ทอท.ได้คำนึงถึงบทบาททางธุรกิจในการสร้างการเติบโตทางรายได้ ซึ่งปัจจุบัน ทอท.มีสัดส่วนรายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน (Aeronautical Revenues) ร้อยละ 53 และรายได้ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenues) ร้อยละ 47 ดังนั้น ทอท.ได้ตั้งเป้าหมายที่จะปรับโครงสร้างสัดส่วนรายได้ทั้ง 2 ส่วนให้เท่ากัน คือ ร้อยละ 50 เพื่อสร้างสมดุลของรายได้และลดผลกระทบจากรายได้ Aero ที่มีความผันผวนมากกว่ารายได้ Non-Aero โดย ทอท.จะดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ภายในปี 2563 ซึ่งปัจจุบัน ทอท.อยู่ระหว่างศึกษาโครงการพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่า ณ ทสภ.และ ทดม.เพื่อพัฒนาให้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์
เช่น โครงการ Airport City ประกอบด้วยโรงแรม ศูนย์การค้า (Shopping Mall) การจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อให้บริการลานจอดและอุปกรณ์บริการภาคพื้น การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ Zoning จากการขยายขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานภูมิภาค ตลอดจนการจัดหรือเข้าร่วมการสัมมนาสายการบิน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจด้านอุตสาหกรรมการบินแก่ ทอท.โดยเฉพาะการเปิดเส้นทางการบินใหม่ หรือ เพิ่มความถี่ของจำนวนเที่ยวบินที่มีอยู่เดิม เป็นต้น

ทอท.ได้มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจท่าอากาศยานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่ออุตสาหกรรมด้านคมนาคม และการสร้างผลประกอบการที่ดี ควบคู่ไปกับการบริหารงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยยึดหลักธรรมาภิบาลตามที่หน่วยงานกำกับดูแลได้กำหนดไว้ ตลอดจนการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืนด้วยการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งผลจากความมุ่งมั่นและตั้งใจดังกล่าว ทำให้ในปีที่ผ่านมา ทอท.ได้รับรางวัลที่สามารถยืนยันความสำเร็จต่างๆ อาทิ รางวัล Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 นอกจากนี้ ยังได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีการดำเนินงานแบบยั่งยืน หรือ หุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ในด้านการกำกับดูแลกิจการ ซึ่ง ทอท.ได้รับผลคะแนนในภาพรวมโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนฯ ประจำปี 2559 อยู่ในช่วง 90-100 คะแนน หรือ อยู่ในระดับ “ดีเลิศ” จากบริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดจำนวน 601 บริษัท และเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา ทอท.ได้รับรางวัลการพัฒนาองค์การดีเด่นด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลในงานมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2559 จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการ นโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ ทอท.ที่จะดำเนินธุรกิจท่าอากาศยานให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่ออุตสาหกรรมด้านการคมนาคม และยังเป็นการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนอีกด้วย