ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น 130 ปี จากนี้ไปยิ่งแน่นแฟ้น‘ไม่มีที่สิ้นสุด’

01 ก.ค. 2560 | 00:15 น.
ปีพุทธศักราช 2560 เป็นปีสำคัญที่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น ได้ดำเนินมาครบรอบ 130 ปี นับเป็นความสัมพันธ์ที่มีความหมายทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคม และความร่วมมือที่เกิดขึ้นในทุกๆด้าน เป็นความสัมพันธ์ที่เปี่ยมด้วยมิตรไมตรีและความเข้าใจที่มีต่อกันมาเกินกว่าศตวรรษ ญี่ปุ่นเองให้ความสำคัญกับบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางของอาเซียน เป็นพันธมิตรที่พร้อมจะสร้างความเจริญเติบโตในภูมิภาคนี้ไปด้วยกัน

[caption id="attachment_170316" align="aligncenter" width="503"] บรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ประจำ�กรุงโตเกียว บรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ประจำ�กรุงโตเกียว[/caption]

ในวาระอันมีความหมายสำคัญนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษนายบรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ได้รับทราบถึงพลวัตรของความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่นที่จะยิ่งใกล้ชิด แน่นแฟ้น มากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต โดยในปีนี้ หนึ่งในไฮไลท์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ จะเป็นการแลกเปลี่ยนการไปเยือนระหว่างคณะนักธุรกิจไทย-ญี่ปุ่น เพื่อแสวงหาลู่ทางเพิ่มพูนการค้า-การลงทุนระหว่างกัน

++กิจกรรมฉลองความสัมพันธ์หลากมิติ
สำหรับแผนการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 130 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและญี่ปุ่นตลอดทั้งปี 2560 นี้ กระทรวงการต่างประเทศไทยและญี่ปุ่นได้ร่วมกันคัดเลือกแบบตราสัญลักษณ์ที่ใช้อย่างเป็นทางการสำหรับการประชาสัมพันธ์วาระโอกาสอันสำคัญนี้ ผลจากการเปิดให้ประชาชนของทั้งสองประเทศส่งผลงานออกแบบเข้าแข่งขัน ปรากฏว่า ตราสัญลักษณ์ที่ออกแบบโดยนายมะสะฮิโระ ทะคะฮะชิ ชาวญี่ปุ่นซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงโตเกียว ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ชนะการประกวด เนื่องจากเป็นผลงานที่ผสมผสานสัญลักษณ์ของไทยและญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ได้แก่ ช้างบนลายธงชาติไทย และดอกซากุระบนพระอาทิตย์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น โดยภาพรวมมีลักษณะคล้ายเครื่องหมายอนันต์ หรือ infinity ที่แทนความ “ไม่มีที่สิ้นสุด” ของความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นที่มีมายาวนานถึง 130 ปี

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่นยังได้กำหนดแผนงานกระชับความร่วมมือระหว่างกันให้แนบแน่นยิ่งขึ้นไปอีกเพื่อฉลองปีแห่งโอกาสพิเศษนี้ โดยมีแผนงานที่สำคัญๆ ได้แก่

ประการแรก ในวันที่ 26 กันยายน ซึ่งเป็นวันครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ฯ รัฐบาลไทยได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ที่เป็นไฮไลท์ให้กับประชาชนญี่ปุ่น คือการนำวง Royal Bangkok Symphony Orchestra พร้อมศิลปินที่มีชื่อเสียงของไทย มาแสดงที่Suntory Hall ในกรุงโตเกียว

ประการที่ 2 รัฐบาลไทยจะร่วมกับจังหวัดฮอกไกโดในการก่อสร้าง “ศาลาไทย” ที่เมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการฉลองความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ
ประการที่ 3 ในปี 2560 นี้ ยังเป็นปีครบรอบ 10 ปีของการจัดทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น หรือ JTEPAซึ่งเป็นความตกลงที่ครอบคลุมความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นถึง 19 สาขา ซึ่งโอกาสนี้ จะมีการประชุมหารือเพื่อเตรียมการทบทวนความตกลงดังกล่าวทั้งฉบับ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

TP20-3274-C ++จากข้อตกลง JTEPA สู่ยุทธศาสตร์ EEC
ประการที่ 4 ไทยและญี่ปุ่นจะมีความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญตามที่ได้กล่าวมาแล้วคือ (1) ไทยจะสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและการลงทุนภายในประเทศให้ดียิ่งขึ้น และจะดูแลนักลงทุนญี่ปุ่นในไทยอย่างดี ตามที่ได้ปฏิบัติเสมอมา (2) ไทยและญี่ปุ่นจะร่วมกันยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมายจำนวน 10 สาขา (3) ไทยจะร่วมมือกับญี่ปุ่นในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) เพื่อรองรับการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น และ (4) จะมีการนำคณะนักธุรกิจระดับสูงของญี่ปุ่นในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายมาเยือนไทยในช่วงเดือนกันยายนนี้

“และประการสุดท้าย ไทยจะเพิ่มบทบาทในการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาร่วมกับญี่ปุ่นในการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และเสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาค ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านกฎระเบียบ โดยคำนึงว่า ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีสถานะเป็นประเทศผู้ให้” ท่านทูตบรรสานยังกล่าวเสริมว่า

นอกจากประโยชน์ด้านเศรษฐกิจแล้ว การดำเนินการดังกล่าวยังจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งขณะนี้ได้รวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนแล้ว การพัฒนาไปพร้อมๆกันของทุกประเทศในอาเซียนโดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง ถือเป็นเรื่องที่ทุกๆประเทศในอาเซียนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,274
วันที่ 29 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2560