เกียร์ถอย!  'คดีจำนำข้าว'

25 มิ.ย. 2560 | 09:18 น.
 

วันที่ 25 มิ.ย.60--ไม่เฉพาะท่าทีชัดเจนยิ่งจากปากรองนายกฯฝ่ายกฎหมายอย่างวิษณุ เครืองาม ที่ส่ออาการถอยในการเดินหน้าตามกระบวนทางกฎหมายในโครงการจำนำข้าวอันอื้อฉาว ที่เริ่มต้นเมื่อ 5-6 ปี

ส่งเสียงเตือนหลายครั้งว่าระวังมวยล้มต้มคนดู ด้วยเวลาที่ทอดยาว จะทำให้คนค่อยๆลืมเลือนอย่างง่ายดายกับโครงการที่นำมาซึ่งความเสียหายมหาศาลให้กับประเทศ ทั้งงบประมาณแผ่นดินและตลาดข้าวไทยที่อยู่ในอาการบอบช้ำมาหลายปีหลังโครงการจำนำ

ตัวละครสำคัญยังเวียนว่ายและแสวงหาความหลุดพ้น จากการกระทำของตัวเอง แม้ความยุติธรรมยังไม่เกิดแต่สักวันหนึ่งอาจไม่พ้นกฎแห่งกรรม พึงระวังให้จงหนัก

มีความพยายามหลายคราว หลายวาระในการลดน้ำหนักแห่งคดีและลดทอนความน่าเชื่อถือในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและกฎหมายในโครงการจำนำข้าว

เกียร์ถอย!  'คดีจำนำข้าว'


มีคำสั่งทางปกครองละเมิด ตามพรบ.ความรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ กรณีนี้ปปช.ส่งเรื่อง ให้นายกฯปัจจุบันว่าโครงการจำนำข้าวมีความเสียหาย มีการกระทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหาย โดยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่พึงเกิดขึ้น มีการตั้งกรรมการสอบสวนและหามูลค่าความเสียหายจากการทำละเมิด ลำพังตัวอดีตนายกฯที่มีอำนาจในฐานะผู้บริหาราชการแผ่นดินสูงสุด คิดมูลค่าประมาณกว่า 1.7 แสนล้านบาท มีการส่งเรื่องไปที่กระทรวงการคลัง คิดความเสียหายแค่ 20 % เหลือมูลค่า 3.5 หมื่นล้านเศษ อีก 80 % ที่เหลือให้ไปหาเอาจากผู้กระทำละเมิดร่วม นั่นหมายถึงไปตายดาบหน้าในการหาตัวผู้ชดใช้ ทั้งที่ไม่มีใครมีอำนาจเหนืออดีตฯนายกฯในการสั่งระงับยับยั้งโครงการได้ แทนที่ฝ่ายกฎหมายสำนักนายกฯ รองนายกฯ กระทั่งนายกฯ จะโต้แย้งความเห็นกรมบัญชีกลางกลับไม่โต้แย้ง แต่มีบางคนพยายามหาช่องอันน้อยนิด ให้สัมภาษณ์ฉอดๆให้ไปหา 80 % ที่เหลือเอาข้างหน้า

เท่านั้นยังไม่พอในคดียักยอกข้าวส่งมอบอิหร่าน ที่มีกระทรวงพาณิชย์เป็นโจทย์ มีเสี่ยเปี๋ยงเป็นจำเลยศาลตัดสินว่ายักยอกทรัพย์ 2 ศาล จำเลยขอจ่ายเงินค่าความเสียหายและขอให้ถอนคดี ซึ่งจะถอนคดีหรือไม่ก็ได้เป็นสิทธิของโจทย์ แต่มีความพยายามจากบางคนบางฝ่ายระดับสูงในรัฐสั่งการด้วยวาจาให้จบๆเรื่องกันไป

คดีข้าวยังมีอีกหลายคดี แต่เงียบเชียบที่สุด 4 ปีแล้ว คือคดีข้าวถุง ที่กรรมาธิการสว.สมัยนั้นสอบสวนแล้วส่งให้ปปช.แล้วแต่กลับไร้วี่แววและหายไปเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง

เรื่องของเรื่อง มีการอนุมัติให้นำข้าวจากโครงการจำนำมาทำข้าวถุงขายประชาชน ปลายเดือน พ.ค. 2555 กขช.อนุมัติ5 แสนตัน เมื่อวันที่19 ธ.ค.ปี2555 กขช.ได้อนุมัติระบายข้าว อีก 1.8 ล้านตัน อ้างว่าจะนำไปทำข้าวถุงช่วยประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยทยอยระบายครั้งละ 6 แสนตัน จำนวน 3ครั้ง และ รัฐบาลได้ทุ่มงบประมาณอีก1.3พันล้านบาท ตั้ง"ร้านถูกใจ"ขึ้นมาเพื่อนำข้าวไปบรรจุถุงขายให้กับประชาชนในราคาถูก

เกียร์ถอย!  'คดีจำนำข้าว'

ครั้งแรกของการก่อตั้งร้านถูกใจพบว่า ได้มอบหมายให้บริษัทไปรษณีย์ไทยดำเนินการจัดผู้ส่งให้กับร้านค้าต่างๆทั่วประเทศ แต่เมื่อร้านค้าได้สั่งข้าวถุงเป้นจำนวนมาก ทางไปรษณีย์ก็ไม่สามารถจัดส่งให้ได้ เพราะทางผู้บรรจุถุงไม่ส่งข้าวมาให้ จึงขอถอนตัวออกจากโครงการดังกล่าว

จากนั้น จึงได้เซ็นสัญญากับบริษัทเอกชนให้ดำเนินการต่อ พร้อมทั้งขายข้าวให้ในราคาตันละ 7,625 บาท เพื่อให้นำบรรจุถุงขายให้กับประชาชนในราคาถูก แต่มีบางบริษัทได้ขอถอนตัว เพราะทางกรมการค้าภายในสั่งห้ามขายข้าวเกินเดือนละ 2,500 ตัน จึงเหลือเพียง 2 บริษัทที่ยังดำเนินการต่อ

ทางกมธ.สอบถามตามร้านค้าทั่วไป พบว่ามีการขายเกินราคาที่กำหนดจากเดิม 75 บาท ต่อถุงแต่ราคาขายจริง 95 บาทต่อถุง โดยทางร้านค้าบอกว่าบริษัทรับดำเนินการได้ขายในราคาถุงละ 75 บาท พร้อมต้องไปรับสินค้าเอง ทางร้านทั่วไปจึงต้องขึ้นราคาเป็นถุงละ 95 บาท

ระยะเวลาเพียง10 เดือน ข้าวจำนวน 1.8 ล้านตันนั้นหายหมด กมธ.ได้ทำหนังสือถึงกรมการค้าภายในถึงตัวเลขการระบายของร้านถูกใจ แต่กลับไม่มีได้คำตอบ จากนั้นได้ทำหนังสือถึงบริษัทเอกชนที่จัดส่งข้าวร้านถูกใจ และ ได้คำตอบว่ามีการส่งข้าวให้ร้านค้าทั่วประเทศเพียง 56,235 ตันเท่านั้น หากนับตัวเลขตั้งแต่การขายให้บริษัทเอกชน และ การก่อตั้งร้านถูกใจพบว่าขาดทุนประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท และข้าวก็ไม่ได้ถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง แต่กลับมีหน่วยงานของรัฐและร่วมกับเอกชนกระทำการ ที่เหลือและส่วนต่างของข้าวถุงหายไปไหน

ตอนนี้ร้านถูกใจอยู่ที่ไหน ผลการสอบสวนไปถึงไหน ใครไม่อยากจำ ใครอยากจะลืม .....