กองทุนเชียร์‘หุ้นจีน’แกร่ง ระยะยาวเติบโตดี เข้า MSCI ไม่กระทบหุ้นไทย

25 มิ.ย. 2560 | 00:31 น.
บลจ.มอง MSCI คำนวณหุ้นจีนเข้าดัชนี ดูดเงินไหลเข้าลงทุน ชี้ราคาไม่แพง แนะกองทุนบริหารเชิงรุก รับเศรษฐกิจโต “กรุงไทย” เฮ! 3 เดือน KT-China กำไร 6%

นายวีระ วุฒิคงสิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า การนำหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาด A-shares เข้าคำนวณดัชนี MSCI Emerging Market Index (MSCI EM) ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 จะส่งผลให้ตลาดมีเงินทุนไหลเข้า โดยเฉพาะกองทุน Passive ที่ลงทุนหุ้นในดัชนีจะเข้าลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนไม่ให้เบี่ยงเบนตลาด

[caption id="attachment_168543" align="aligncenter" width="335"] วีระ วุฒิคงสิริกูล วีระ วุฒิคงสิริกูล[/caption]

“ข่าว MSCI ไม่ได้เป็นประเด็นใหม่ต่อตลาดหุ้นจีน เพราะตลาดรับรู้กันมานานแล้ว แต่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งหนุนตลาดหุ้นจีนไม่ให้ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา” นายวีระ กล่าว

ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยจากกรณีดังกล่าวมองว่าน้อยมาก

ทั้งนี้ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ระบุว่าสัดส่วนของจีนที่นำมาคำนวณประมาณ 0.73% ของ MSCI EM ทั้งหมด หรือประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากมูลค่าตลาดทั้งหมดของMSCI EM ที่มีกว่า 1.97 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากอ้างอิงจาก นํ้าหนักของหุ้นไทยในดัชนี MSCI EM ล่าสุดประมาณ 2.18% คาดว่าจะดึงเงินออกจากตลาดหุ้นไทยประมาณ 78 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2,600 ล้านบาท เมื่อเทียบกับมูลค่าตามราคาตลาดรวมของตลาดหุ้นไทยกว่า 15 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตามมองตลาดหุ้นจีนยังน่าสนใจในระยะยาว เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในระดับที่มาก?กว่า 6% ขณะที่รัฐบาลจีนยังมีมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมการปฏิรูปประเทศหลายด้าน การปฏิรูปเศรษฐกิจในภาคส่วนอื่นๆให้เป็นไปในแนวทางการสร้างเศรษฐกิจใหม่ โดยปีนี้จีนตั้งเป้าจีดีพีโตประมาณ 6.5% สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้วและตลาดหุ้นจีนยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการคาดการณ์ผลกำไรที่เริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับตํ่าเมื่อเทียบที่อื่น

“ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันดัชนี CSI300 ของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 9% จากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3,300 จุด ขึ้นมาอยู่แถว 3,600 จุด แต่ยังมองว่าพี/อี ราว 12 เท่า ยังไม่แพง เมื่อเทียบอดีต ปี 2557-2558 ดัชนีปรับตัวขึ้นจาก 2,200 จุดไปถึง 5,300 จุด ซึ่งลงมามากแล้วและปัจจุบันค่อยๆมีแรงซื้อหุ้นกลับเข้าไป” นายวีระ กล่าว

43906259_s หากจะลงทุนหุ้นจีน แนะ นำกองทุนที่บริหารเชิงรุก (Active Fund) เพราะเวลาเศรษฐกิจโตไม่ได้จะดีทุกอุตสาหกรรม ดังนั้นผู้จัดการกองทุนจะเลือกดูรายอุตสาหกรรม รายตัว ไม่ได้ลงทุนตามดัชนีเหมือนกอง Passiveอย่างตอนนี้อสังหาริมทรัพย์ในจีนยังมีปัญหาโอเวอร์ซัพพลาย ขณะที่กลุ่มการเงิน ธุรกิจบริการและการบริโภคภายในประเทศน่าจะเติบโตได้ดีจากนโยบายรัฐ

ปัจจุบันบลจ.กรุงไทยฯมีกองทุนอีทีเอฟลงทุนตลาดหุ้นจีนและเมื่อเดือนมีนาคม 2560 ออกกองทุนเปิดเคแทม ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ (KT-China) เน้นลงทุนหุ้นในตลาด H-shares ที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจใหม่ผ่านกองทุน BGF China Fund เช่น อาลีบาบา, เทนเซ็น, ไชน่าโมบายและธนาคารล่าสุดผลตอบแทนประมาณ 6%

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล นักวิเคราะห์กองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นจีนน่าจะได้รับผลดีจากการเข้าคำนวณดัชนี MSCI ในระยะสั้น จากเม็ดเงินเข้าลงทุนของกองทุน Passive Fundแต่เมื่อราคาปรับขึ้นในระดับหนึ่งอาจมีนักลงทุนที่เข้าไปเก็งกำไรจากข่าว ขายทำกำไรออกมา จึงแนะนำกองทุนที่บริหารจัดการเชิงรุก เลือกลงทุนรายบริษัท โดยเฉพาะกองทุนที่ลงทุนทั้ง 2 ตลาดใน A-shares และ H-shares ซึ่งเป็นหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกง

“เรายังชอบหุ้นจีน ราคาค่อนข้างถูกและคาดว่ายังมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นหลังรัฐบาลพยายามปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจหลายอย่าง ล่าสุดผ่อนปรนข้อจำกัดให้ต่างชาติลงทุนอุตสาหกรรมที่หลากหลายเป็นผลดีมากขึ้น” นายสานุพงศ์ กล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,273 วันที่ 25 - 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560