พัฒนาระบบQR-AR โค้ด นำชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ

22 มิ.ย. 2560 | 11:18 น.
กระทรวงวัฒนธรรม เดินหน้าพัฒนาระบบนำชม พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ-อุทยานประวัติศาสตร์ ใช้ระบบคิวอาร์โค้ด-เออาร์โค้ดนำชมโบราณวัตถุ-ศิลปวัตถุล้ำค่า ชู “สมาร์ท มิวเซียม” ดึงดูดนักท่องเที่ยว-ประชาชนเข้าชมเพิ่มขึ้น

นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่ากระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีนโยบายและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการบริการการเรียนรู้ในรู ปแบบที่หลากหลาย ทันสมัยและน่าสนใจ รวมทั้งส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ทางศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมให้แก่เด็ก เยาวชนและประชาชน ซึ่งปัจจุบัน วธ. โดยกรมศิลปากร (ศก.) ได้ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งเรี ยนรู้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และอุทยานประวัติศาสตร์ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ และการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้พัฒนาการจัดแสดงและระบบนำชม โดยมีการติดตั้งระบบคิวอาร์โค้ด และเออาร์โค้ด ซึ่งใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น บนสมาร์ทโฟน ไอแพดและแท็บเล็ตที่จะแสดงข้อมูลและภาพของโบราณวัตถุศิลปวัตถุ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าชมทำให้ได้รับความรู้และข้อมูลอย่างรวดเร็ว

รมต.วีระ ขณะนี้กรมศิลปากร ได้ติดตั้งระบบคิวอาร์โค้ดแล้วในอุทยานประวัติศาสตร์ 9 แห่ง 168 รายการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 41 แห่ง 686 รายการ และโบราณสถาน 16 รายการ นอกจากนี้ได้นำร่องติดตั้งระบบเออาร์โค้ด ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 3 แห่งได้แก่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง อีกทั้งได้จัดทำโครงการ  “สมาร์ท มิวเซียม”(Smart museum) ซึ่งเป็นระบบนำชมในรูปแบบของระบบเสมือนจริง (virtual reality) ผ่านสมาร์ทโฟนโดยนำร่องที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร 138 รายการ ทั้งนี้ เด็ก เยาวชนและประชาชนสามารถเข้าชมได้ที่www.virtualmuseum.finearts.go.thและwww.qrcode.finearts.go.th อย่างไรก็ตาม วธ.ตั้งเป้าหมายเมื่อดำเนินโครงการพัฒนาการจัดแสดงและระบบนำชมแหล่งเรียนรู้ต่างๆแล้วจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว เด็กและเยาวชนมาเข้าชมเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี โดยในปีนี้คาดว่าจะมียอดผู้เข้าชมไม่น้อยกว่า 10.5 ล้านคน

3c2580c6-ae26-a3c5-c878-574acf65b6a4 1139573b34968d409d7430fc35d42622 ขณะเดียวกันวธ. ได้กำหนดแนวทางในการพัฒนาแหล่ งเรียนรู้ต่างๆในอนาคต โดยจะใช้ระบบนำชมและให้บริการข้อมูลแหล่งมรดกศิลปวัฒนธรรมให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นด้วยการพัฒนาไปสู่ระบบเสมือนจริง อาทิ การเพิ่มจำนวนพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในโครงการ “สมาร์ท มิวเซียม” การให้บริการชมโบราณสถานด้วยระบบเสมือนจริง เป็นต้น  เพื่อให้ความรู้พื้นฐานและช่วยจูงใจให้นักท่องเที่ยว เด็กและเยาวชนเกิดความต้องการเดินทางไปศึกษาเรียนรู้ จากสถานที่จริง ซึ่งนอกจากได้รับความรู้ ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแล้ว ยังนำไปสู่ การสร้างความตระหนัก หวงแหนและร่วมกันอนุรักษ์มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่ไปถึงคนรุ่นหลังอีกด้วย