เอไอเอส่ง 2 ผลิตภัณฑ์เจาะไฮเน็ตเวิร์ธ
“เอไอเอ ไฮเน็ตเวิร์ธ” เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง หวังเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดให้กับลูกค้าในการวางแผนจัดการสินทรัพย์ เพื่อเตรียมส่งมอบให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานในวันข้างหน้า
นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนตัวแทน เอไอเอ ประเทศไทย เผยว่า ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ “เอไอเอ เลกาซี เพรสทีจ” (AIA Legacy Prestige) เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง(High Net Worth) ที่ต้องการการวางแผนมรดกที่ดีและเหมาะสม พร้อมเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินเป็นเงินสดไว้ให้ลูกหลานในวันที่จากไป
[caption id="attachment_166387" align="aligncenter" width="335"]
นางอลิสา สิมะโรจน์[/caption]
ทั้งนี้ ในเมืองไทยปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าสินทรัพย์สูงเกือบ 100,000 ราย ซึ่งเป็นคนที่มีสินทรัพย์ที่สามารถนำปลงทุนได้รวมมากกว่า 1ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ ประมาณ 35ล้านบาท ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยที่สุดของคนกลุ่มนี้ คือ ขาดการวางแผนส่งต่อมรดกที่เหมาะสม นำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว หรือบางครั้งการส่งต่อมรดกอาจไม่เป็นไปตามที่เจ้าของมรดกต้องการ เนื่องจากทรัพย์สินส่วนใหญ่ของคนกลุ่มนี้ มักจะไม่ใช่เงินสด เอไอเอได้มองเห็นโอกาสจากปัญหาของคนกลุ่มนี้
จุดเด่นของ ‘เอไอเอ เลกาซี เพรสทีจ’ นั้นจะมอบความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันตลอดชีพถึงอายุ 99 ปี ด้วยจำนวนเงินเอาประกันขั้นต่ำที่ 10 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกระยะเวลาชำระเบี้ยประกันได้ ทั้งแบบ 5 ปี 10 ปี หรือ 15 ปี ที่สำคัญเราจะมอบส่วนลดเบี้ยประกันให้ในกรณีที่ลูกค้ามีสุขภาพดีกว่ามาตรฐาน (Preferred Rate) และยังสามารถนำเบี้ยประกันไปหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเสนอบริการ “เอไอเอ ไลฟ์ อิสระ เพรสทีจ” (AIA Life Issara Prestige) หรือ ยูนิต ลิงค์ (Unit Linked) ซึ่งมอบความคุ้มครองตลอดชีพถึงอายุ 99 ปี ด้วยจำนวนเงินเอาประกันขั้นต่ำที่ 10 ล้านบาท ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยน เพิ่ม/ลด ความคุ้มครอง เพิ่ม/ถอน เงินออม หรือหยุดพักชำระเบี้ยประกันได้ทุกช่วงของชีวิต และพิเศษสุดสำหรับส่วนลดค่าการประกันภัย (COI) ในกรณีสุขภาพอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า จากการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลูกค้าเลือก”
“ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์จะช่วยให้ขยายฐานกลุ่มลูกค้าสินทรัพย์สูง ทั้งลูกค้าเดิมที่จะซื้อเพิ่ม และลูกค้าใหม่โดยกลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธ จะได้รับสิทธิ์ยกระดับเป็นลูกค้า VIP ทันที พร้อมสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ขณะที่บริษัทจัดอบรมตัวแทนและคัดเลือกตัวแทนระดับพรีเมียร์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการดูแลลูกค้ากลุ่มนี้ เพื่อทำหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ”
นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนตัวแทน เอไอเอ ประเทศไทย เผยว่า ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ “เอไอเอ เลกาซี เพรสทีจ” (AIA Legacy Prestige) เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง(High Net Worth) ที่ต้องการการวางแผนมรดกที่ดีและเหมาะสม พร้อมเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินเป็นเงินสดไว้ให้ลูกหลานในวันที่จากไป
[caption id="attachment_166387" align="aligncenter" width="335"]
ทั้งนี้ ในเมืองไทยปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าสินทรัพย์สูงเกือบ 100,000 ราย ซึ่งเป็นคนที่มีสินทรัพย์ที่สามารถนำปลงทุนได้รวมมากกว่า 1ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ ประมาณ 35ล้านบาท ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยที่สุดของคนกลุ่มนี้ คือ ขาดการวางแผนส่งต่อมรดกที่เหมาะสม นำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว หรือบางครั้งการส่งต่อมรดกอาจไม่เป็นไปตามที่เจ้าของมรดกต้องการ เนื่องจากทรัพย์สินส่วนใหญ่ของคนกลุ่มนี้ มักจะไม่ใช่เงินสด เอไอเอได้มองเห็นโอกาสจากปัญหาของคนกลุ่มนี้
จุดเด่นของ ‘เอไอเอ เลกาซี เพรสทีจ’ นั้นจะมอบความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันตลอดชีพถึงอายุ 99 ปี ด้วยจำนวนเงินเอาประกันขั้นต่ำที่ 10 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกระยะเวลาชำระเบี้ยประกันได้ ทั้งแบบ 5 ปี 10 ปี หรือ 15 ปี ที่สำคัญเราจะมอบส่วนลดเบี้ยประกันให้ในกรณีที่ลูกค้ามีสุขภาพดีกว่ามาตรฐาน (Preferred Rate) และยังสามารถนำเบี้ยประกันไปหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเสนอบริการ “เอไอเอ ไลฟ์ อิสระ เพรสทีจ” (AIA Life Issara Prestige) หรือ ยูนิต ลิงค์ (Unit Linked) ซึ่งมอบความคุ้มครองตลอดชีพถึงอายุ 99 ปี ด้วยจำนวนเงินเอาประกันขั้นต่ำที่ 10 ล้านบาท ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยน เพิ่ม/ลด ความคุ้มครอง เพิ่ม/ถอน เงินออม หรือหยุดพักชำระเบี้ยประกันได้ทุกช่วงของชีวิต และพิเศษสุดสำหรับส่วนลดค่าการประกันภัย (COI) ในกรณีสุขภาพอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า จากการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลูกค้าเลือก”
“ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์จะช่วยให้ขยายฐานกลุ่มลูกค้าสินทรัพย์สูง ทั้งลูกค้าเดิมที่จะซื้อเพิ่ม และลูกค้าใหม่โดยกลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธ จะได้รับสิทธิ์ยกระดับเป็นลูกค้า VIP ทันที พร้อมสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ขณะที่บริษัทจัดอบรมตัวแทนและคัดเลือกตัวแทนระดับพรีเมียร์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการดูแลลูกค้ากลุ่มนี้ เพื่อทำหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ”