จีนเลื่อนชั้นเป็นบิ๊กลงทุน FDI หว่านเม็ดเงินตามทางสายไหม
จีนขยับขึ้นเป็นผู้ลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (FDI) รายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา โดยมีการลงทุนในต่างแดนเพิ่มขึ้น 44% คิดเป็นมูลค่าถึง 138,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
รายงานการลงทุนโลกประจำปี 2017 เผยแพร่โดยการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) ร่วมกับสถาบันการค้าระหว่างประเทศและความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสังกัดกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่า กิจกรรมการซื้อกิจการและควบรวมกิจการข้ามประเทศที่เกิดขึ้นอย่างคึกคักโดยบริษัทจีนในรอบปีที่ผ่านมา ส่งให้เป็นครั้งแรกที่จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ลงทุนโดยตรงในต่างแดน (FDI) รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองแต่เพียงสหรัฐอเมริกา และยังแซงหน้าเนเธอร์แลนด์ ที่ตามมาเป็นอันดับ 3
การลงทุนโดยตรงในต่างแดนของบริษัทจีน 138,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2559 นั้น สูงกว่าตัวเลขเม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาลงทุนโดยตรงในจีนในช่วงปีเดียวกันถึง 36% นอกจากนี้รายงานของอังค์ถัดยังชี้ให้เห็นตัวเลขที่น่าสนใจว่า ถ้าหากพิจารณาเฉพาะเจาะจงที่ข้อมูลการลงทุนโดยตรงของต่างชาติในประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุดในโลก (the least developed countries) ก็จะพบว่า จีนคือผู้ลงทุนโดยตรงรายใหญ่ที่สุด แซงหน้าแม้กระทั่งสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส
ในทางกลับกัน เมื่อพิจารณาถึงกระแสเงินลงทุน FDI ที่เข้ามาภายในประเทศเมื่อปีที่ผ่านมา จะพบว่าจีนเอง เป็นจุดหมายปลายทางรับเม็ดเงินลงทุน FDI มากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐ อเมริกาและอังกฤษ ทั้งๆ ที่ปี 2559 เป็นปีที่เม็ดเงินลงทุน FDI ที่เข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนา ของเอเชียลดลงถึง 15% แต่จีนก็ยังคงความน่าดึงดูดใจ
นักวิเคราะห์ของอังค์ถัดให้ความเห็นว่า การลงทุน FDI ของจีนในต่างแดนจะยังคงมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ต่อไปเนื่องจากรัฐบาลจีนเองได้พยายามผลักดันโครงการพัฒนาภายใต้แผนเส้นทางสายไหมยุคใหม่ (Belt & Road) ที่พาดผ่านหลายประเทศทั้งในเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ขณะเดียวกันก็มีโครงการความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างจีนกับประเทศอื่นๆ ผุดขึ้นมากมาย
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา เม็ดเงินลงทุน FDI ทั่วโลกมีมูลค่ารวมลดลง 2% สู่ระดับ 1.75 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่สำหรับปี 2560 นี้ คาดว่าการลงทุนทั่วโลกจะกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย 5% คิดเป็นมูลค่ารวม 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,272 วันที่ 22 - 24 มิถุนายน พ.ศ. 2560
รายงานการลงทุนโลกประจำปี 2017 เผยแพร่โดยการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) ร่วมกับสถาบันการค้าระหว่างประเทศและความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสังกัดกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่า กิจกรรมการซื้อกิจการและควบรวมกิจการข้ามประเทศที่เกิดขึ้นอย่างคึกคักโดยบริษัทจีนในรอบปีที่ผ่านมา ส่งให้เป็นครั้งแรกที่จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ลงทุนโดยตรงในต่างแดน (FDI) รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองแต่เพียงสหรัฐอเมริกา และยังแซงหน้าเนเธอร์แลนด์ ที่ตามมาเป็นอันดับ 3
การลงทุนโดยตรงในต่างแดนของบริษัทจีน 138,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2559 นั้น สูงกว่าตัวเลขเม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาลงทุนโดยตรงในจีนในช่วงปีเดียวกันถึง 36% นอกจากนี้รายงานของอังค์ถัดยังชี้ให้เห็นตัวเลขที่น่าสนใจว่า ถ้าหากพิจารณาเฉพาะเจาะจงที่ข้อมูลการลงทุนโดยตรงของต่างชาติในประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุดในโลก (the least developed countries) ก็จะพบว่า จีนคือผู้ลงทุนโดยตรงรายใหญ่ที่สุด แซงหน้าแม้กระทั่งสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส
นักวิเคราะห์ของอังค์ถัดให้ความเห็นว่า การลงทุน FDI ของจีนในต่างแดนจะยังคงมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ต่อไปเนื่องจากรัฐบาลจีนเองได้พยายามผลักดันโครงการพัฒนาภายใต้แผนเส้นทางสายไหมยุคใหม่ (Belt & Road) ที่พาดผ่านหลายประเทศทั้งในเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ขณะเดียวกันก็มีโครงการความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างจีนกับประเทศอื่นๆ ผุดขึ้นมากมาย
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา เม็ดเงินลงทุน FDI ทั่วโลกมีมูลค่ารวมลดลง 2% สู่ระดับ 1.75 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่สำหรับปี 2560 นี้ คาดว่าการลงทุนทั่วโลกจะกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย 5% คิดเป็นมูลค่ารวม 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,272 วันที่ 22 - 24 มิถุนายน พ.ศ. 2560