“เจบี สตรูเบล”แห่งเทสลา...ผู้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้“อีลอน มัสก์”
[caption id="attachment_164931" align="aligncenter" width="503"]
รูปจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย[/caption]
ในโอกาสที่สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เตรียมจัดการบรรยายหัวข้อ “ความคืบหน้าล่าสุดของการพัฒนาและใช้ประโยชน์ของระบบรถยนต์ไฟฟ้าและระบบพลังงานในอนาคต” (Electric Vehicles & Future Energy System: Recent Development and Implications) โดยแขกรับเชิญพิเศษ “เจบี สตรูเบล” ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เทสลา อิงค์ (เปลี่ยนชื่อมาจาก เทสลา มอเตอร์ส) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า(EV)ชื่อดังในวันที่ 26 มิถุนายนนี้
“ฐานยานยนต์” พามาทำความรู้จักกับ “เจบี สตรูเบล” มันสมองและเป็นหัวแรงหลักในการผลักดันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบรนด์ “เทสลา” ร่วมกับซีอีโอ “อีลอน มัสก์” ให้ขึ้นมาอยู่ระดับแถวหน้าของโลก
“เจบี สตรูเบล” (Jeffrey Brian Straubel) เป็นชาวอเมริกัน ปัจจุบันอายุ 42 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด ระดับปริญญาตรีปี คศ.1998 และปริญญาโทปี คศ.2000 สาขาวิศวกรรมพลังงานทั้งสองใบ
โดย “เจบี” พบว่าตนเองสนใจเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่วัยรุ่น เมื่ออายุ 14 ปี สามารถสร้างรถโกคาร์ทพลังงานไฟฟ้าได้สำเร็จ จากนั้นก็พัฒนาเป็นผลงานที่ใหญ่ขึ้นเช่น ดัดแปลง ปอร์เช่ 944 เป็นรถแข่งอีวี และสร้างรถแข่งพลังแสงอาทิตย์ รวมถึงโฟล์คสวาเกน บัค (โฟล์คเต่า)ไฮบริด
ในปี คศ.2008 นิตยสาร MIT Review โดยสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT -Massachusetts Institute of Technology) ประกาศให้เขาเป็นสุดยอดนักนวตกรรม (ผู้คิดค้นและริเริ่มนวตกรรมใหม่) หนึ่งใน 35 คนของโลก ที่อายุยังไม่ถึง 35 ปี
ปัจจุบัน“เจบี สตรูเบล” ดำรงตำแหน่ง Chief Technology Officer (CTO) ของเทสลา กำกับดูแลการพัฒนาโปรดักต์ หมายรวมถึง มอเตอร์ และซอฟท์แวร์ เฟิร์มแวร์ ชุดสมองกลควบคุม ตลอดจนเทคโนโลยีการเก็บและจ่ายพลังงานของแบตเตอรีในรถยนต์ และสถานีชาร์จไฟแบบซูเปอร์ชาร์จ(ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง หรือ DC) ที่เทสลาวางแผนขยายให้แพร่หลายไปทั่วโลก
นอกจากนี้ เทสลายังถือเป็นผู้ผลิตแบตเตอรีรายใหญ่ระดับ Gigafactory เพื่อรองรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตลาดในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ แต่มีต้นทุนต่อหน่วยที่ถูกที่สุดรายหนึ่งของโลก แน่นอนว่า “เจบี” มีส่วนช่วยตั้งแต่การค้นคว้าวิจัย และพัฒนาจนเข้าสู่การผลิตในระดับแมสโปรดักชัน
สำหรับเทสลาก่อตั้งบริษัทในปี 2003 ที่ซิลิคอน วัลเลย์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยกลุ่มวิศวกรยุคใหม่ต้องการพิสูจน์ว่ารถยนต์พลังไฟฟ้านั้นดีกว่ารถยนต์ที่เครื่องยนต์สันดาปภายใน ปัจจุบันทำตลาด 2 รุ่นหลักคือ “โมเดล เอส” กับ “โมเดล เอ็กซ์” และสิ้นปีนี้เตรียมส่งมอบรถยนต์พลังไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ทำราคาได้ถูกกว่าสองรุ่นแรกในชื่อ “โมเดล 3”
ในโอกาสที่สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เตรียมจัดการบรรยายหัวข้อ “ความคืบหน้าล่าสุดของการพัฒนาและใช้ประโยชน์ของระบบรถยนต์ไฟฟ้าและระบบพลังงานในอนาคต” (Electric Vehicles & Future Energy System: Recent Development and Implications) โดยแขกรับเชิญพิเศษ “เจบี สตรูเบล” ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เทสลา อิงค์ (เปลี่ยนชื่อมาจาก เทสลา มอเตอร์ส) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า(EV)ชื่อดังในวันที่ 26 มิถุนายนนี้
“ฐานยานยนต์” พามาทำความรู้จักกับ “เจบี สตรูเบล” มันสมองและเป็นหัวแรงหลักในการผลักดันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบรนด์ “เทสลา” ร่วมกับซีอีโอ “อีลอน มัสก์” ให้ขึ้นมาอยู่ระดับแถวหน้าของโลก
“เจบี สตรูเบล” (Jeffrey Brian Straubel) เป็นชาวอเมริกัน ปัจจุบันอายุ 42 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด ระดับปริญญาตรีปี คศ.1998 และปริญญาโทปี คศ.2000 สาขาวิศวกรรมพลังงานทั้งสองใบ
โดย “เจบี” พบว่าตนเองสนใจเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่วัยรุ่น เมื่ออายุ 14 ปี สามารถสร้างรถโกคาร์ทพลังงานไฟฟ้าได้สำเร็จ จากนั้นก็พัฒนาเป็นผลงานที่ใหญ่ขึ้นเช่น ดัดแปลง ปอร์เช่ 944 เป็นรถแข่งอีวี และสร้างรถแข่งพลังแสงอาทิตย์ รวมถึงโฟล์คสวาเกน บัค (โฟล์คเต่า)ไฮบริด
ในปี คศ.2008 นิตยสาร MIT Review โดยสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT -Massachusetts Institute of Technology) ประกาศให้เขาเป็นสุดยอดนักนวตกรรม (ผู้คิดค้นและริเริ่มนวตกรรมใหม่) หนึ่งใน 35 คนของโลก ที่อายุยังไม่ถึง 35 ปี
นอกจากนี้ เทสลายังถือเป็นผู้ผลิตแบตเตอรีรายใหญ่ระดับ Gigafactory เพื่อรองรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตลาดในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ แต่มีต้นทุนต่อหน่วยที่ถูกที่สุดรายหนึ่งของโลก แน่นอนว่า “เจบี” มีส่วนช่วยตั้งแต่การค้นคว้าวิจัย และพัฒนาจนเข้าสู่การผลิตในระดับแมสโปรดักชัน
สำหรับเทสลาก่อตั้งบริษัทในปี 2003 ที่ซิลิคอน วัลเลย์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยกลุ่มวิศวกรยุคใหม่ต้องการพิสูจน์ว่ารถยนต์พลังไฟฟ้านั้นดีกว่ารถยนต์ที่เครื่องยนต์สันดาปภายใน ปัจจุบันทำตลาด 2 รุ่นหลักคือ “โมเดล เอส” กับ “โมเดล เอ็กซ์” และสิ้นปีนี้เตรียมส่งมอบรถยนต์พลังไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ทำราคาได้ถูกกว่าสองรุ่นแรกในชื่อ “โมเดล 3”
