ฐานโซไซตี : บ้านเอื้ออาทรหลอน”วัฒนา” โทษแรง“ประหารชีวิต”
โดย : ว.เชิงดอย
บ้านเอื้ออาทรหลอน”วัฒนา” โทษแรง“ประหารชีวิต”
เงียบหายไปนานกับข่าวคราวการ “ทุจริตบ้านเอื้ออาทร” ที่มีตัวละครเอกอย่าง “วัฒนา เมืองสุข” อดีตรมต.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ในสมัย “รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร” เข้ามาเกี่ยวข้อง หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ไม่รู้ไปถึงไหน หรืออาจจะคิดว่าเรื่องนี้จบไปแล้ว แต่จู่ ๆ ก็มีข่าวล่าสุดออกมาว่า ป.ป.ช.ซุ่มเงียบชี้มูลความผิด “วัฒนา เมืองสุข” ปมทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดหรือ อสส.แล้วตั้งแต่ต้นปี แต่ยังไม่สามารถส่งฟ้องได้ เพราะถูก อสส.ตีกลับว่าสำนวนไม่สมบูรณ์ ทำให้ต้องตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่าย มาพิจารณาคดีร่วมกัน หากหาข้อยุติไม่ได้ ป.ป.ช.ก็อาจหอบสำนวนส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเอง
คดีนี้ “วัฒนา เมืองสุข” กับพวก ถูกกล่าวหาว่า เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการเอกชนในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการที่ บริษัท พาสทีญ่าไทย จำกัด ได้โควตาเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ 7 โครงการ 7,500 ยูนิต
มูลค่า 2,500 ล้านบาท ได้แก่ โครงการสวนพลูพัฒนา, โครงการผดุงพันธ์, โครงการนนทบุรี (วัดกู้ 1), โครงการนนทบุรี (วัดกู้ 3), โครงการสมุทรปราการ (วัดคู่สร้าง 1), โครงการปทุมธานี ลำลูกกาคลอง 2 และโครงการกระทุ่มแบน 3 ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ แต่ได้มีการ “จ่ายเงินใต้โต๊ะ” แลกกับการเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานรัฐได้
“ย้อนตำนานคดีบ้านเอื้ออาทร” เริ่มมีการตรวจสอบเมื่อ 10 ปีก่อน หลังเหตุการณ์รัฐประหาร เมื่อ 19 กันยายน 2549 โดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. ขึ้นเพื่อตรวจสอบทุกโครงการสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ซึ่งโครงการบ้านเอื้ออาทรก็เป็นหนึ่งในโครงการที่ คตส.ตรวจสอบ และเมื่อคตส.หมดหน้าที่ ได้ส่งสำนวนทั้งหมดให้ป.ป.ช.รับไม้ต่อ ซึ่งคดีจะมีโทษตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 เกี่ยวกับการเป็นเจ้าพนักงานจำคุกตั้งแต่ 5- 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท หรือ“ประหารชีวิต” และความผิดตามมาตรา 149 ฐานรับสินบน โทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท หรือ “ประหารชีวิต” ...คดีนี้ตามหลอน “วัฒนา เมืองสุข” มานาน แต่อีกไม่นานก็คง “ไคลแม็กซ์”
น.พ.เจตน์ ศิรธรานนท์
มีข้อสังเกตดีๆ จาก น.พ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ต่อร่างพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตามมาตรา 77 วรรคสองของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 4 ภาค ที่ดำเนินการไปแล้ว 2 ภาค มีปัญหาการ “วอล์กเอาต์” ของประชาชนบางส่วน ที่ต้องดำเนินการตามมาตรา 77 เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ “รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง” แต่ที่เป็นปัญหาขึ้นมาเพราะเป็นการไปแลกเปลี่ยนความคิดกับประชาชน จนเกิดการถกเถียงกันวุ่นวายระหว่างผู้เห็นด้วยกับไม่เห็นด้วย แต่ถ้าไปรับฟังความคิดเห็นอย่างเดียว แล้วนำความคิดเห็นนั้นมาประมวล วิเคราะห์ผลกระทบอย่างรอบด้านและเป็นระบบ คงไม่เกิดความวุ่นวายอย่างที่เห็นๆ จากนั้นจึงนำผลที่ได้จากการรับฟังและการวิเคราะห์ไปเผยแพร่ต่อประชาชน ก่อนนำมาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมาย ซึ่งการนำร่างกฎหมายที่ยังไม่ใช่ร่างสุดท้ายไปแลกเปลี่ยนถกเถียงกัน จึงก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้น ทั้งที่ประเด็นซึ่งมีความเห็นไม่ตรงกัน อาจถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงในท้ายที่สุดก็ได้...รอดูกันไปว่าในที่สุดการแก้ไขพ.ร.บ.ฉบับนี้ จะดำเนินการได้หรือไม่ และเนื้อหาจะถูกใจฝ่ายใด ฝ่ายใดไม่พอใจ
“หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ”อยู่ในเเวดวงสื่อเมืองไทยกว่า 30 ปี วันนี้เเม้เทคโนโลยีก้าวไปไกลเเต่พวกเราไม่ตกกระเเส เพราะผู้อ่านสามารถดาวน์โหลด “ฐานเศรษฐกิจ” ไว้อ่านได้ ใน E-Book เเล้ว ผ่านเเอพพลิเคชัน QR Code,app store,google play,ookbee เพียงปลายนิ้วของท่านสัมผัสเข้าไปซื้อหนังสือพิมพ์ออนไลน์ 1 ฉบับ ราคา 19 บาท, 9 ฉบับ ราคา 169 บาท, 27 ฉบับ ราคา 489 บาท, ออนไลน์ 52 ฉบับ ราคา 889 บาท, 104 ฉบับ ราคา 1,579 บาท หรือใช้บริการของ AIS กด*410501910370398 แล้วโทร.ออก ข้อมูลจากกองบรรณาธิการ “เข้มทุกคอลัมน์ เเน่นทุกบรรทัด” จะส่งถึงท่านทันที โอกาสดีๆ เเบบนี้ ช้าไม่ได้เพราะโลกวันนี้เคลื่อนไหวเร็วกว่าที่ท่านคาดไว้เสมอ...
คอลัมน์ : ฐานโซไซตี /หน้า หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ / ฉบับ 3271 ระหว่างวันที่ 18-21 มิ.ย.2560