โพลล์ไมโครซอฟท์ชี้รถไร้คนขับ-หุ่นยนต์มาแรงเด็กไทยผวาAI-IOTแย่งงาน

21 มิ.ย. 2560 | 03:00 น.
ผลสำรวจของไมโครซอฟท์เปิดเผยถึงความเชื่อของคนรุ่นใหม่ที่ว่านวัตกรรมอย่างปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things: IoT) ตามด้วยนวัตกรรมที่ผสมผสานโลกเสมือนเข้ากับโลกความจริงอย่าง Virtual Reality (VR), Mixed Reality (MR) และ Augmented Reality (AR) จะส่งผลกระทบต่อชีวิตในอนาคตมากที่สุดในโลกที่กำลังหมุนเข้าสู่ความเป็นดิจิตอลอย่างไม่หยุดยั้ง

ขณะเดียวกันความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ทำให้เยาวชนไทยเล็งเห็นถึงประเด็นปัญหาจำนวนหนึ่งที่อาจเป็นผลมาจากบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันได้แก่โอกาสด้านอาชีพการงานที่ลดลง ความห่างเหินกันระหว่างผู้คน และความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวที่ลดน้อยลงในโลกยุคดิจิตอล

[caption id="attachment_164320" align="aligncenter" width="503"] โพลล์ไมโครซอฟท์ชี้รถไร้คนขับ-หุ่นยนต์มาแรงเด็กไทยผวาAI-IOTแย่งงาน โพลล์ไมโครซอฟท์ชี้รถไร้คนขับ-หุ่นยนต์มาแรงเด็กไทยผวาAI-IOTแย่งงาน[/caption]

ไมโครซอฟท์ เปิดเผยผลการสำรวจหัวข้อ อนาคตด้านดิจิตอลในเอเชีย ในกลุ่มคนอายุ 18-24 ปี จำนวน 1,400 คนทั่วเอเชียแปซิฟิก อาทิ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวันและเวียดนาม โดยมีตัวแทน 100 คนจากไทย

ผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยจัดให้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) เป็นเทคโนโลยีอันดับต้นๆที่จะเข้ามามีอิทธิพลเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตผู้คน เพราะไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ได้เกิดอุปกรณ์ล้ำสมัยใหม่ๆ รวมทั้งคลาวด์และโลกข้อมูลที่ประสานพลังกันทำให้วิสัยทัศน์ที่มองอนาคตว่า AI และ IoTจะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแบบดิจิตอลของมนุษย์อย่างแยกไม่ออกมีความชัดเจนมากขึ้น

AI ยังเกี่ยวข้องกับการสร้างจักรกลอัจฉริยะหรืองานบริการที่ตอบโต้เหมือนมนุษย์-ฟีเจอร์ที่เริ่มพบได้ในแทบทุกอย่างตั้งแต่การแปลภาษา ไปจนถึงผู้ช่วยเสมือนหรือวิดีโอเกมส์ การนำเอาศักยภาพของ AI เข้ามาทำงานซ้ำๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก การจดจำคำพูด การแก้ปัญหาจะช่วยให้ผู้คนบรรลุเป้าหมายได้มากขึ้นในขณะที่ทำงานน้อยลงหรือการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่งานนั่นเอง

IoT หมายถึงเครือข่ายของวัตถุที่เชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต ที่สามารถสื่อสารระหว่างกัน ระหว่างอุปกรณ์ และข้ามระบบได้ ซึ่งกำลังเติบโตขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ รวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่เซนเซอร์บนท้องถนน เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน อุปกรณ์สวมใส่ และยานพาหนะ

การสำรวจได้ถามเจาะลึกไปอีกถึงการจัดอันดับ 3 สถานการณ์ที่ใช้เทคโนโลยีAI ซึ่งคนกลุ่มนี้คาดว่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ที่สุดต่อการดำเนินชีวิตของพวกเขาในอนาคต คือ รถยนต์ที่ติดต่อกันได้และไม่ต้องมีคนขับ 46% ซอฟท์แวร์บอทที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 25% และหุ่นยนต์ 20%

ในขณะเดียวกันกลุ่มคนเจเนอเรชั่นใหม่นี้ยังคาดว่า IoTจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตใน 3 เรื่อง 1.สมาร์ทโฮม บ้านแสนฉลาดที่อุปกรณ์ไฟฟ้าสามารถ “พูดคุย” กันเองได้ จำนวน 42% ประการที่ 2 ระบบจัดการจราจรที่สามารถช่วยย้ายถ่ายเทรถยนต์ไปยังท้องถนนที่โล่งกว่าได้อย่างเรียลไทม์ 24% และ 3.อาคารชาญฉลาดที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานในอาคารได้ตามสภาวะอากาศและจำนวนผู้อยู่อาศัย 24%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,271 วันที่ 18 - 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560