ผ่าวิสัยทัศน์อาลีบาบา เสริมทัพนวัตกรรมรองรับผู้ใช้งาน 2 พันล้านคนทั่วโลก

16 มิ.ย. 2560 | 09:05 น.
แจ็ค หม่า ประธานบริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากประเทศจีน ประกาศแถลงเป้าหมายระยะ 3 ปี ต่อหน้านักลงทุนในวัน “นักลงทุน 2017” หรือ 2017 Investor Day ซึ่งมีขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ (8-9 มิถุนายน) ที่สำนักงานใหญ่อาลีบาบา กรุ๊ป ในเมืองหังโจว ว่า เป้าหมายของเขาคือการทำให้อาลีบาบามียอดขายรวมทั้งสิ้น 1ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 และการสร้างงาน 100 ล้านตำแหน่ง พร้อมรองรับผู้บริโภคกว่า 2 พันล้านคนทั่วโลก

สำหรับปีงบประมาณ 2561 อาลีบาบา กรุ๊ป ได้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 45-49% โดยจะมาจากหลายๆปัจจัยรวมกัน เช่น ความแข็งแกร่งในธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศจีนซึ่งเป็นธุรกิจหลักของอาลีบาบา การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคชาวจีนที่เติบโตต่อเนื่อง และการเติบโตของผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ การคาดการณ์การเติบโตที่แข็งแกร่งดังกล่าว ยังมาจากรายได้ที่เกิดจากช่องทางใหม่ๆ และการขยายการลงทุนนอกเหนือจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซภายในประเทศจีน เช่น ด้านสื่อดิจิทัลและบันเทิง อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน บริการต่างๆในท้องถิ่น การตลาดดิจิทัล และสาขาอื่นๆ

Jack Ma1

“วันนักลงทุน” เป็นวาระสำคัญประจำปีของอาลีบาบา กรุ๊ป ที่ผู้บริหารระดับสูงจะมาแถลงผลงาน วิสัยทัศน์ เป้าหมาย รวมทั้งความท้าทายที่พวกเขาจะนำพาองค์กรฝ่าไป นอกจากแจ๊ค หม่า แล้ว ผู้บริหารคนอื่นๆของกลุ่มได้ออกมาแถลงวิสัยทัศน์ด้วยเช่นกัน ดังนี้

แดเนียล จาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป :   เราเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีรากฐานมาจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ธุรกิจของอาลีบาบา มีความหลากหลายและครอบคลุมมากกว่าบริษัทอินเทอร์เน็ตทั่วไป โดยเราได้นำเทคโนโลยีการจดจำภาพและเสียงพูด ปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงระบบประมวลผลคลาวด์ที่เร็วที่สุดในโลกมาปรับใช้และผนวกรวมไว้ในธุรกิจต่างๆของเรา ปัจจุบัน เรามีผู้ใช้งานกว่า 500 ล้านคนทั่วโลก โดยธุรกิจขนาดย่อมเกือบ 10 ล้านรายทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มของเราทุกวัน

แมกกี้ วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของอาลีบาบา กรุ๊ป : อาลีบาบาไม่ได้เป็นเพียงช่องทางการขาย หรือแพลตฟอร์มเพื่อส่งเสริมการตลาด แต่เราสร้างโอกาสให้แก่ร้านค้าและแบรนด์ต่างๆในการบริหารจัดการลูกค้าตลอดวงจรการซื้อสินค้า ตั้งแต่การทำให้ลูกค้าเกิดการรับรู้ ให้ความสนใจในสินค้า ตัดสินใจสั่งซื้อ และเกิดความภักดีอย่างต่อเนื่อง นี่คือมูลค่าทางธุรกิจที่แท้จริงที่เรามอบให้แก่ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มของเรา

เจ็ทจิง รองประธานของ Tmall หนึ่งในธุรกิจในเครือ: เว็บไซต์ B2C ของอาลีบาบา ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำหรับสิ่งที่เราเรียกว่า “การบริโภคเชิงคุณภาพ”ของชนชั้นกลางในประเทศจีนที่กำลังเพิ่มมากขึ้น โดยผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าว ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และสินค้าแบรนด์ต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

The Alibaba Economy

สาระสำคัญว่าด้วยวิสัยทัศน์ในด้านต่างๆ ของอาลีบาบา กรุ๊ป ยังสามารถสรุปได้ ดังนี้

+การทำให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมมากขึ้น และ“การบริโภคเชิงคุณภาพ”

อาลีบาบาทำให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมเพิ่มมากขึ้นด้วยคอนเทนต์ เช่น วิดีโอถ่ายทอดสดออนไลน์แนะนำสินค้าใหม่ๆ โดยยอดการแชร์คอนเทนต์และยอดการแชร์เพจสินค้าเพิ่มสูงขึ้นถึง 80% ในเดือนเมษายน 2560 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน อีกทั้งยอดการเข้าชมเพจสินค้าที่ให้คอนเทนต์เป็นหลักเพิ่มขึ้นมากกว่า 140% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ยิ่งไปกว่านั้น พบว่ายิ่งผู้บริโภคชาวจีนใช้เวลาบนแพลตฟอร์มของอาลีบาบามากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งใช้จ่ายมากขึ้นเท่านั้น โดยยอดการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อราย เพิ่มขึ้นจาก 3,000 หยวนในปีแรก เป็น 12,000 หยวนในปีที่ 5 ของการใช้งาน

+เมื่อการค้าปลีกแบบเก่ากลับมาในรูปแบบใหม่

ในฐานะผู้ริเริ่มและผู้ขับเคลื่อนการค้าปลีกรูปแบบใหม่ (New Retail) โดยการผสมผสานระหว่างการค้าออนไลน์และออฟไลน์ ผนวกกับการนำระบบดิจิทัลมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจค้าปลีก อาลีบาบา คาดการณ์ว่าเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data จะจุดประกายให้เกิดการปฏิวัติโมเดลธุรกิจห้างร้านที่ล้าสมัย ให้ฟื้นคืนขึ้นมาในรูปแบบใหม่

เป้าหมายของอาลีบาบาไม่ใช่การแย่งส่วนแบ่งตลาดจากห้างร้านต่างๆ แต่ต้องการสนับสนุนให้ร้านค้าเหล่านั้นใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี การตลาดและการขายออนไลน์ของอาลีบาบา เพื่อพัฒนาการดำเนินธุรกิจส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และเพิ่มยอดขายต่อตารางฟุต

+อนาคตที่สดใสของอาลีบาบา คลาวด์

ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา อาลีบาบา คลาวด์ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต คลาวด์ที่ทำรายได้มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในประเทศจีน ด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 40% โดยมีเว็บไซต์กว่า 37% ในประเทศจีนที่ใช้บริการคลาวด์ของอาลีบาบา ธุรกิจส่วนนี้สามารถทำรายได้เติบโตเป็นตัวเลขสามหลักติดต่อกันเป็นปีที่ 8 และยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ต่อเนื่องจากทั้งลูกค้ารายใหม่ๆ และการเพิ่มปริมาณการใช้งาน

+การสร้างมูลค่าระยะยาว

ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา อาลีบาบาได้ใช้เงินลงทุนกว่า 75% จากเงินลงทุนทั้งหมด 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปกับธุรกิจสื่อดิจิทัลและบันเทิง การขยายธุรกิจในต่างประเทศ โลจิสติกส์รวมทั้ง ออนไลน์ทูออฟไลน์ และธุรกิจบริการในท้องถิ่น วัตถุประสงค์ก็เพื่อสร้างมูลค่าในระยะยาวสำหรับอาลีบาบา การลงทุนหรือการเข้าซื้อกิจการที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตต้องสอดคล้องกับ 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ การพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า การหาผู้ใช้และผู้ใช้รายใหม่ การขยายตัวของอาลีบาบาในทางภูมิศาสตร์ และการผลักดันบริษัทไปสู่ธุรกิจรีเทลแบบใหม่

+ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับ อาลีบาบา

อาลีบาบาได้ใช้งานโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ประเภทแชทบอท (Chatbot) ซึ่งสามารถตอบคำถามลูกค้าได้กว่า 90% และยังขยายขอบเขตการใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หลายรูปแบบ ไปยังส่วนงานต่างๆ เช่น โลจิสติกส์ และการค้นหาผลิตภัณฑ์ บริษัทยังลงทุนอย่างมากในการพัฒนาเทคโนโลยีจดจำเสียงพูด (Speech recognition) และในปี 2560 นี้จะมีการเปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่สั่งการด้วยเสียง ซึ่งสามารถใช้งานได้ในหลากหลายธุรกิจ เช่น อุตสาหกรรมโรงแรม และตลาดการศึกษา อาลีบาบามุ่งหวังที่จะใช้เทคโนโลยี AI แทรกซึมอยู่ในทุกๆส่วนของธุรกิจที่มีอยู่