ดีเอสไอจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์-เลี่ยงภาษีกว่า 50 ล้าน

16 มิ.ย. 2560 | 05:20 น.
ดีเอสไอ จับกุมขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า และสินค้าหลบหนีศุลกากรรายใหญ่ มูลค่าของกลางกว่า 50 ล้านบาท

16 มิ.ย.60- พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พันเอก พินิจ ตั้งสกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับ มาลา ตั้งประเสริฐ รองประธานคณะกรรมการ ปปท. ภาคเอกชน ในฐานะผู้แทนจากบริษัทซึ่งได้รับความเสียหาย ได้ร่วมแถลงข่าวกรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจค้นจับกุมขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าและสินค้าหลบหนีศุลกากร ณ ห้องแถลงข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร

สืบเนื่องมากจากการสืบสวนของ พันตำรวจโท นิรุติ พัฒนรัฐ ผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา 3 สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา ทราบว่ามีขบวนการทุจริตซึ่งมีนายทุนเป็นต่างชาติ ลักลอบนำสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา อาทิ โทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่โทรศัพท์ กระเป๋า เครื่องสำอาง และสินค้าอื่นๆ รวมทั้งมีสินค้าอื่นที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรจากชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากรและนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศเป็นจำนวนมาก มีการขนส่งสินค้ามากถึงครั้งละ 2 - 3  ตู้คอนเทนเนอร์ ลำเลียงมาเก็บพักไว้ในโกดังย่านถนนกาญจนาภิเษก หลังจากนั้นจะทยอยนำไปส่งให้กับลูกค้าซึ่งเป็นผู้ค้ารายย่อยทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมทางการเงินพบว่า ในระหว่างปี 2559 – ปัจจุบัน นายทุนนี้ได้มีรายได้จากการดำเนินกิจการมากกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งไม่มีการเสียภาษีหรือเสียภาษีเงินได้ไม่ครบถ้วน จึงทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีตัวสินค้า และรวมถึงสูญเสียรายได้จากภาษีเงินได้ของเจ้าของธุรกิจ และถูกเพ่งเล็งว่าไม่ให้ความจริงจังต่อการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย อันมีหรืออาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงรับกรณีดังกล่าวไว้สอบสวนเป็นคดีพิเศษ

325995 ต่อมา เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2560 เจ้าหน้าที่สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา จึงได้นำหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 3 จุด ดังนี้

1. โกดังเลขที่ 37/49 ถ.บางระมาด แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ตรวจพบมีการขนสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรไว้ในโกดัง รวมถึงตรวจยึดรถตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรทุกสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและสินค้าหลบหนีศุลกากรได้ 1 คัน

2. โกดังเลขที่ 37/25 ถ.บางระมาด แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ตรวจพบมีการขนสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรไว้ในโกดัง

3. ได้ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 555/32 หมู่บ้าน บี ฮาโมนี ราชพฤกษ์ ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด

จากการตรวจค้นดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และสินค้าหลบหนีศุลกากรได้มากกว่า 100,000 ชิ้น ซึ่งมีมูลค่าตามราคาท้องตลาดมากกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ติดตามผู้กระทำความผิดรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เนื่องจากในปีนี้ประเทศไทยได้ถูกจัดอันดับตามมาตรา 301 พิเศษ ของประเทศสหรัฐอเมริกา อยู่ในระดับ PWL (Prior watch list) ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ซึ่งทางสหรัฐอเมริกาพร้อมที่จะทบทวนสถานะของประเทศให้ดีขึ้น ดังนั้นกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความตั้งใจในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยเน้นในกลุ่มผู้ผลิต ผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักร ผู้ค้ารายใหญ่ และสินค้าที่กระทบต่อผู้บริโภค เพื่อหวังให้ประเทศไทยจะได้ถูกปรับสถานะให้ดีขึ้น