“ฟิทช์” ให้อันดับเครดิต ‘F1+(tha)’ หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิระยะสั้น 5 หมื่นลบ.ของไทยพาณิย์

15 มิ.ย. 2560 | 10:39 น.
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศให้อันดับเครดิตหุ้นกู้ระยะสั้น ‘F1+(tha)’ ของแบงก์ไทยพาณิชย์ มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ออกเพื่อทดแทนของเดิมก่อนหมดอายุ 19 ก.ค.นี้ วัตถุประสงค์ดำเนินกิจการทั่วไป มั่นใจอันดับเครดิตไม่ถูกลดแน่ เหตุสถานะธนาคาร-สินทรัพย์ยังแข็งแกร่ง

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ ‘F1+(tha)’ แก่โครงการหุ้นกู้ระยะสั้นประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน มูลค่ารวมไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท ของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ที่ (BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ/AA+(tha))
โครงการหุ้นกู้ดังกล่าวนี้จะทดแทนโครงการหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิระยะสั้นเดิมของธนาคารมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 หุ้นกู้ที่จะออกภายใต้โครงการนี้จะมีอายุไม่เกิน 270 วัน และจะทำการออกเป็นชุด ภายในระยะเวลา 1 ปี วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้คือเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการทั่วไปของธนาคารสำหรับปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต ได้แก่ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ฟิทช์ให้แก่โครงการหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของธนาคารที่ ‘F1+(tha)’ เนื่องจากหุ้นกู้ภายใต้โครงการเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของธนาคาร

Print ขณะที่อันดับเครดิตของ SCB มีปัจจัยสนับสนุนมาจากเครือข่ายธุรกิจธนาคารครบวงจร (universal bank) ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในด้านลูกค้ารายย่อย สภาพเศรษฐกิจยังคงไม่เอื้ออำนวยต่อคุณภาพสินทรัพย์และผลการดำเนินงานของ SCB แต่ไม่น่าจะส่งผลให้ระดับเงินกองทุนและระดับการสำรองหนี้สูญของธนาคารปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ SCB จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของโครงการหุ้นกู้ระยะสั้น อันดับเครดิตระยะสั้นภายในประเทศของธนาคารปัจจุบันเป็นอันดับเครดิตที่สูงสุด ดังนั้นจึงไม่มีปัจจัยใดที่อาจจะทำให้อันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่ม

อันดับเครดิตของโครงการหุ้นกู้ระยะสั้นดังกล่าวอาจถูกปรับลดอันดับ หากธนาคารมีการปรับตัวด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่องของคุณภาพสินทรัพย์หรืออัตรากำไร (ในระดับที่มากกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์) โดยไม่สามารถรักษาความสามารถในการรองรับความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เพียงพอได้ ในด้านของรายได้ ระดับสำรองหนี้สงสัยจะสูญและฐานะเงินกองทุน อย่างไรก็ตามฟิทช์ไม่คาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในระยะสั้น