นักวิเคราะห์เห็นแย้ง แถลงการณ์"เฟด"

15 มิ.ย. 2560 | 05:33 น.
นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมีความเห็นแย้งต่อท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่ออกไปในเชิงสายเหยี่ยวมากเกินไปต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ เห็นว่าท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯนั้นสวนทางกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐฯยังคงอ่อนแออยู่ และไม่น่าจะถึงเป้าหมายที่ 2.0% ได้ในปีนี้
วันที่ 15-6-60- นายกริชนะ เมนามี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุนของกองทุน “ออฟเพนไฮเมอร์ฟันด์” ถึงกับบอกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงถึงความดุดันในแถลงการณ์ที่ออกมาถึงการปรับลดดอกเบี้ย และการลดบัญชีงบดุลถึงขนาดนี้ โดยจะเห็นได้ชัดว่า ตลาดกำลังเพิกเฉยต่อเฟดมากขึ้นไม่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะกล่าวอะไรออกมา เพราะว่าสิ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ พูดออกมานั้นไม่เป็นไปตามข้อมูลเศรษฐกิจ

นักวิเคราะห์เห็นแย้ง แถลงการณ์"เฟด"


โดยทันทีเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประกาศแถลงการณ์ออกมานั้น ก็ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลงทันที ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นในหลังจากนั้น นอกจากนั้น ดัชนีผู้บริโภคหลักของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวสะท้อนดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐฯก็ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ด้วย ยิ่งทำให้นักลงทุนสงสัยกันมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯจะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้งตามที่ประกาศไว้ได้หรือไม่

ทั้งนี้ ดัชนีผู้บริโภคของสหรัฐประจำเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 1.9% ลดลดจากเดิมที่ 2.2% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วต่ำกว่าที่คาดเอาไว้ที่ 2%

นอกจากน้ันดัชนีผู้บริโภคที่ไม่รวมราคาอาหาร และพลังงาก็ปรับลดลงไปอยู่ที่ 1.7% ต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ที่ 1.9% รวมไปถึงยอดค้าปลีกของสหรัฐฯที่ยังอ่อนแออยู่

โดยขณะนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้อยู่ที่ 35% เท่านั้น ลดลงจากเดิมที่ 50% ในช่วงก่อนหน้านี้

นักวิเคราะห์เห็นแย้ง แถลงการณ์"เฟด"


ขณะเดียวกันนาย จอห์น บริกกส์ ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์การลงทุนจาก บริษัท แนทเวสต์ มาร์เก็ต จำกัดบอกว่า ตลาดพันธบัตรกำลังส่งสัญญาณให้เห็นว่า หากธนาคารกลางสหรัฐฯยิ่งใช้มาตรการรัดกุมมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้นเท่านั้น

โดยล่าสุดนั้นอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรระยะ 10 ปีของธนาคารกลางสหรัฐฯแม้ว่าจะยังอยู่ที่ระดับต่ำ 2.13% แต่สำหรับพันธบัตรระยะ 2 ปี นั้นได้สะท้อนให้เห็นผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯอย่างชัดเจน โดยดอกเบี้ยได้พุ่งขึ้นแตะที่ 1.35% แล้ว

นักวิเคราะห์เห็นแย้ง แถลงการณ์"เฟด"


ในขณะที่ตัวเลขค้าปลีก และ ดัชนีเงินเฟ้อยังอ่อนแออยู่ แต่กระนั้นธนาคารกลางสหรัฐฯ กลับบอกว่าแนวโน้มของการใช้จ่ายของผู้บริโภค และภาคธุรกิจกำลังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม โดยนาย เอ็ด เคออน นักวิเคราห์จากบริษัท คิวเอ็มเอ ได้โต้แย้งว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ และนักวิเคราะห์กำลังใช้ตัวเลขเศรษฐกิจตัวเดียวกันหรือไม่ เพราะสิ่งที่เห็นจริงๆก็คือ การใช้จ่ายของผู้บริโภค และภาคธุรกิจยังอ่อนแออยู่ ซึ่งแม้ว่าจากไตรมาส 1 ไปสู่ไตรมาส 2 จะดูดีขึ้น แต่ก็ยังไม่เห็นแนวโน้มว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคนั้นจะดีขึ้นอย่างไร

ขณะเดียวกันนาง เคธี โจนส์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนสินทรัพย์คงที่จากบริษัท ชาร์ลส์ ชวาบ กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ กำลังจะใช้วิธีการขึ้นดอกเบี้ย ผสมผสานไปกับการลดบัญชีงบดุลเพื่อใช้นโยบายรัดกุมทางการเงินทั้งๆที่เศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในช่วงที่ดัชนีเงินเฟ้อต่ำกว่าที่คาดหมาย