คนสื่อตัวจริง ทำอะไรต้องเป็นที่ 1 และก้าวไปข้างหน้า

17 มิ.ย. 2560 | 02:30 น.
ในขณะที่วงการสื่อกำลังปั่นป่วนกับเทคโนโลยีที่เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับพฤติกรรมผู้บริโภค จนเป็นผลให้สื่อต้องปรับตัวขนานใหญ่ เพื่อทำให้ตัวเองอยู่รอดและก้าวไปข้างหน้าได้ คนสื่อ ที่ชื่อ “พี่ต้อย-สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ประธานกรรมการบริษัทกรีนเน็ต จำกัด และบรรณาธิการ อำนวยการสำนักข่าวทีนิวส์ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกปรากฏการณ์ใหม่ๆ ในวงการสื่อ ไม่ว่าจะเป็น ข่าวต้นชั่วโมง สถานีข่าว 24 ชั่วโมง เอสเอ็มเอสข่าว รายการข่าวเพื่อสังคม ร่วมด้วยช่วยกัน ได้เริ่มบุกเบิกการทำข่าวผ่านนิวมีเดียมาแล้วกว่า 2 ปี ภายใต้ชื่อบริษัท กรีนเน็ต จำกัด

[caption id="attachment_161876" align="aligncenter" width="396"] สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม[/caption]

“สนธิญาณ” เล่าว่า เริ่มฝึกวิทยายุทธ์งานข่าว จากการเป็นนักข่าวพิเศษกับชัชรินทร์ ชัยวัฒน์ ที่นิตยสารอาทิตย์รายสัปดาห์ หลังจากนั้นได้กระโดดมาทำงานข่าวเต็มตัวเมื่อปี 2529กับช่อง 3 ก่อนจะโบยบินมาสร้างอาณาจักร “ไอเอ็นเอ็น” โดยมีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้ถือหุ้นในปี2534 หลังจากสำนักงานทรัพย์สินฯ ถอนหุ้นไป ก็ได้บุญชัยเบญจรงคกุล จากค่ายยูคอม มาช่วยสานฝันต่อ พร้อมสร้างคลื่นร่วมด้วยช่วยกัน จนโด่งดัง จากนั้นก็แยกตัวออกมา สร้างสำนักข่าวทีนิวส์ เป็นอาณาจักรใหม่ บริหารงานจากขาดทุนเดือนละ 2-3 ล้านบาท กลับมา มีกำไรเดือนละ 2-3 ล้านบาท

“หลักการทำสื่อ ของเรา คือต้องขึ้นมาเป็นอันดับ 1ทำอะไร มันต้องเป็นเจ้าแรก และก้าวไปข้างหน้า อย่างคลื่นร่วมด้วยช่วยกัน เป็นคลื่นเพื่อชุมชน เป็นคลื่นทำความดีก็ดังมาก จนต่างชาติต้องมาดูงาน”

มาในยุคที่สื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง “สนธิญาณ” อธิบายว่า มันคือบทเรียนที่สำคัญบทเรียนหนึ่ง เพราะการเปลี่ยนแปลงของสื่อมันเร็วมาก ตอนที่เอสเอ็มเอสมา บริษัทสามารถสร้างรายได้มหาศาล พนักงานรับโบนัส 3-4 เดือน มาทำโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่เมื่อ คสช.สั่งปิดทีวีดาวเทียมระยะหนึ่ง ก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยน เพราะเป็นช่วงเดียวกันกับที่รัฐบูมทีวีดิจิตอลขึ้นมา เอเยนซีไม่สนใจลงโฆษณาในทีวีดาวเทียม ระหว่างนั้น เขาและทีมงานได้ศึกษาและพัฒนานิวมีเดียไปพร้อมๆ กัน เพราะเชื่อว่ามันต้องมาแทนสื่อหลัก

“เราดูการเสพสื่อดูกลไกการตลาด ดูตัวเลขการตลาด พอกลางปี 2559 เลยตัดสินใจปิดทีวีดาวเทียม ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง อันไหนล้าหลังเราต้องกล้าเปลี่ยนก่อน หลังจากเราคุยกับลูกค้า สื่อเดิมถูกวัดความนิยมด้วยการประเมิน โดยนีลเส็น แต่เว็บไซต์มันบอกเลยว่า คนอ่านเท่าไรอ่านเวลาไหน คนซื้อสื่อเขาคำนวณต่อหัวเสมอ ซื้อสปอร์ตเท่านี้ เพราะมีคนดูเท่านี้ ซึ่งนิวมีเดียจำนวนคนดูเป็นตัวเลขจริงต่างจากสื่อหลักที่เป็นตัวเลขจากการประเมินผ่านหน่วยงานตรงนี้จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ”

MP29-3270-C ตอนนี้สิ่งที่กรีนเน็ตทำ คือ การทำนิวมีเดียเป็นธุรกิจหลัก แล้วแยกแบรนด์ตามกลุ่มเป้าหมาย อาทิ ทีนิวส์ เดี๋ยวรู้กัน ที่สุด เจ็ดสิบเจ็ด จว. สปอร์ตลิงค์ไซด์ และเริ่มขยายเครือข่ายออกไปต่างจังหวัด เพื่อทำงานร่วมกับชุมชน และแบ่งรายได้อย่างเป็นธรรม

“ความคิดเดิมที่มีแบรนด์เดียว แล้วมีข่าวทุกอย่าง มันเปลี่ยนไป กลุ่มชอบกีฬาก็จะดูแต่กีฬา ยิ่งสื่อทำง่าย ขยายกว้าง ความเป็นเซ็กเมนต์ มันยิ่งขยายมากขึ้น และยิงตรงเข้าสู่กลุ่มเป้าหมาย ลูกค้าต้องการเซ็กเมนต์ที่แยกได้จริง ชัดเจน”

การเดินหน้าขยายงานด้านนิวมีเดียตามเซ็กเมนต์ต่างๆ ยังคงทำต่อเนื่องโดยที่ผ่านมาทีนิวส์รับคนเพิ่มอีก 50 คน และกำลังขยายเพิ่มอีก ยอดขายจากเดิมที่ประเมินไว้ 90 ล้านบาทในปี 2560 ขณะนี้ขยับขึ้นเป็น120 ล้านบาท และคาดว่าปีหน้าจะทำรายได้อีกไม่ตํ่ากว่า 200 ล้านบาท

MP29-3270-D เมื่อถามว่า ทำไมคนอายุ 60 อย่าง “สนธิญาณ”ถึงมองทะลุงานสื่อด้านนิวมีเดียเขาตอบสั้นๆ ง่ายๆ ว่าอ่านหนังสือ และมีทีมงานที่ช่วยกันคิด สื่อในวันนี้ต้องทำเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค หากเชื่อมโยงและสามารถตอบความต้องการนั้นได้นั่นคือชัยชนะ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,270 วันที่ 15 - 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560