ปิดฉาก‘ยาฮู’เปิดประตูสู่‘โอธ’

17 มิ.ย. 2560 | 10:00 น.
ผู้ให้บริการเทคโนโลยีที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่าง “ยาฮู” กำลังจะก้าวเข้าสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ หลังจากกระบวนการขายกิจการหลักเกือบทั้งหมดไให้กับเวอไรซอน เครือข่ายโทรคมนามคมรายใหญ่ของสหรัฐฯเป็นมูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เสร็จสิ้นลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีนัยที่น่าจับตามองเพราะอาจหมายถึงภูมิทัศน์ตลาดโฆษณาดิจิตอลที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต

บอร์ดของยาฮูอนุมัติการขายกิจการเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากเวอไรซอนเสนอขอซื้อมาตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคมปีก่อน ซึ่งหลังจากขายกิจการส่วนใหญ่ไปแล้วกิจการส่วนที่เหลืออยู่ของยาฮูจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น อัลทาบา (Altaba)โดยจะอยู่ในรูปของบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้น15% อยู่ในอาลีบาบา อี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนและถือหุ้น 35.5% ในยาฮูเจแปน

ขณะเดียวกันกิจการอินเตอร์เน็ตเกือบทั้งหมดของยาฮูที่จะตกไปอยู่ในมือของเวอไรซอนนั้น เวอไรซอนจะตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาดูแลโดยใช้ชื่อว่า โอธ(Oath) ซึ่งจะเป็นการรวมเอากิจการของยาฮูและเอโอแอล อกีหนึ่งบริษัทเทคโนโลยีเก่าแก่ที่เวอไรซอนซื้อกิจการมาเมื่อปี 2558เป็นมูลค่า 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้ามาไว้ด้วยกัน

[caption id="attachment_161773" align="aligncenter" width="503"] ผิดฉาก‘ยาฮู’เปิดประตูสู่‘โอธ’ ปิดฉาก‘ยาฮู’เปิดประตูสู่‘โอธ’[/caption]

การเกิดขึ้นของโอธนั้นน่าสนใจ เนื่องจากโอธจะกลายมาเป็นแพลตฟอร์มดิจิตอลคอนเทนต์ครบวงจรที่เวอไรซอนคาดหวังว่าจะเป็นแหล่งสร้างรายได้สำคัญให้กับบริษัท หรืออาจจะหวังไปถึงว่าจะสามารถเขย่าบัลลังก์แย่งชิงเม็ดเงินโฆษณามาจาก 2 ยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิลและเฟซบุ๊กเลยก็เป็นได้ เพราะเมื่อรวมกันแล้ว เอโอแอลและยาฮูมีแบรนด์บนอินเตอร์เน็ตที่แข็งแกร่งมากถึง 25 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ฮัฟฟิงตันโพสต์ เทคครันช์เอ็นแกดเจต จากฝั่งของเอโอแอลและยาฮูไฟแนนซ์ ยาฮูสปอร์ตยาฮูนิวส์ รวมไปถึงเสิร์ชเอ็นจินและบริการอี-เมล์ ซึ่งเมื่อรวมแบรนด์เหล่านี้เข้าด้วยกัน โอธจะมีฐานผู้ใช้งานในปัจจุบันถึง 1.3พันล้านคน

กลยุทธ์ของโอธต่อจากนี้จะเน้นไปที่บริการคอนเทนต์ในรูปแบบโมบายและวิดีโอซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ชมใช้เวลาส่วนใหญ่ในการรับชมคอนเทนต์ในปัจจุบันโดยมีความเป็นไปได้ที่โอธจะพัฒนาบริการใหม่ภายใต้แบรนด์ตนเองขึ้นมาเสริมด้วย ก่อนหน้านี้ผู้บริหารของเวอไรซอนแสดงความสนใจจะใช้โอธเป็นแพลตฟอร์มในการทดลองบริการทีวีแบบโอเวอร์ เดอะ ท็อป (โอทีที)

ทิม อาร์มสตรอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอโอแอล ซึ่งจะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโอธหลังจากควบรวมกิจการกับยาฮูเรียบร้อยตั้งเป้าหมายว่าจะขยายฐานผู้ใช้ขึ้นเป็น 2 พันล้านคนภายในปี2563 ด้วยรายได้ต่อปีระหว่าง 1-2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปัจจุบัน

ปัจจุบันเฟซบุ๊กและกูเกิลครองส่วนแบ่งในตลาดโฆษณาดิจิตอลรวมกันประมาณครึ่งหนึ่งของงบโฆษณาทั่วโลก และเม็ดเงินโฆษณาโมบายส่วนใหญ่ก็ไปลงที่ 2 บริษัทดังกล่าว การเขย่าบัลลังก์เฟซบุ๊กและกูเกิลคงไม่ใช่งานง่ายสำหรับเวอไรซอนและโอธ แต่นักวิเคราะห์บางรายก็มองว่า กลยุทธ์การโปรโมตโฆษณาแบบข้ามแพลตฟอร์มบนบริการของเวอไรซอน ยาฮู และเอโอแอล น่าจะเป็นจุดที่เจ้าของโฆษณาให้ความสนใจ

MP21-3270-2 นอกจากนี้ เวอไรซอนจะมีฐานข้อมูลของผู้ใช้งานขนาดใหญ่อยู่ในมือมากเพียงพอที่จะทำให้การออกแบบโฆษณาแบบเจาะจงเป้าหมายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญคือโอธจะต้องทำให้ผลิตภัณฑ์และคอนเทนต์เป็นที่ถูกใจผู้ใช้งาน ต้องให้แตกต่างจากเอโอแอลและยาฮูในอดีตที่ล้มเหลวในการเอาชนะใจผู้บริโภค

นั่นคือโอกาสและความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในเชิงธุรกิจและการแข่งขันหลังกิจการยาฮูเปลี่ยนมือแต่สำหรับผู้ใช้งานอย่างเราๆอาจจะยังมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะแบรนด์ต่างๆ ที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นยาฮูเมล์ ยาฮูสปอร์ต หรือฮัฟฟิลตันโพสต์ จะยังคงให้บริการภายใต้แบรนด์เดิมต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,270 วันที่ 15 - 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560