‘แกร็บ’ผสานธุรกิจ O2O รั้งเบอร์หนึ่งอาเซียน
ถึงตอนนี้ “แกร็บ” (Grab) ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น เรียกรถแท็กซี่-รถโดยสารส่วนบุคคล เปิดให้บริการครบรอบ 5 ปีมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ได้ประกาศความสำเร็จ มีสัดส่วนผู้ใช้งานมากที่สุดในขณะนี้
หากแต่การฉลองครบรอบ 5 ปีครั้งนี้ แกร็บ ได้เชิญบรรดาสื่อมวลชนจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงสื่อมวลชนจากประเทศไทย จำนวน 11 ฉบับ เข้าร่วมงานดังกล่าวหนึ่งในนั้นมี “ฐานเศรษฐกิจ” รวมอยู่ด้วย
[caption id="attachment_160094" align="aligncenter" width="503"]
‘แกร็บ’ผสานธุรกิจ O2O รั้งเบอร์หนึ่งอาเซียน[/caption]
***ผสานธุรกิจ O2O
นายแอนโทนี่ ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง แกร็บ เปิดเผยว่า กลยุทธ์ของ แกร็บ ภายใน 5 ปีข้างหน้า ให้ความสำคัญเรื่องการผสานธุรกิจจากออนไลน์ไปออฟไลน์( O2O) และ การเข้าถึงการใช้งานสมาร์ทโฟนคาดว่าจะขยายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในอีก 5 ปีข้างหน้าในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ โดยปัจจุบันได้ขยายตัวเกิน 100% แล้วในประเทศมาเลเซีย และ สิงคโปร์ ซึ่ง O2O จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโลกออนไลน์ระหว่างคนขับ-ผู้โดยสาร และ สังคม เป็นต้น
ขณะที่ แกร็บ ให้บริการแล้วใน 55 เมืองใน 7 ประเทศ (สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไทย เวียดนาม และ พม่า) มีตัวแทน (Agents) ถึงกว่า 4 แสนคนในกว่า 500 เมือง
*** พัฒนาแกร็บเพย์ เครดิต
นอกจากนี้แล้ว แกร็บ มีระบบรับชำระค่าบริการผ่านบัตรเครดิต,เดบิต และ อาลีเพย์ เป็นต้น แต่หลังจากนี้ระบบการชำระเงิน แกร็บเพย์ เครดิต (Grab Pay Credit) จะถูกพัฒนาขึ้นจากเดิมที่ใช้ผูกกับบัตรเครดิต จะเป็นโซลูชันเติมเงินเข้าไปในระบบ เพื่อนำไปใช้เป็นค่าโดยสารล่วงหน้า หรือบริการอื่นๆในอนาคตได้ และยังอัพเดตสิทธิพิเศษแก่ลูกค้าที่ใช้งานประจำผ่านแกร็บ รีวอร์ด (Grab Rewards) ให้มีส่วนลดพิเศษเพิ่มมากขึ้น
*** ยอดดาวน์โหลด 45ล.
สำหรับจำนวนยอดดาวน์โหลด แกร็บ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 45 ล้านดาวน์โหลด มีเครือข่ายคนขับมากกว่า 930,000 คน และ จำนวนเรียกรถแต่ละครั้ง 9.3 แสนคันจาก 55 เมืองใน 7 ประเทศ
***ส่วนแบ่งตลาด 95%
ขณะที่ แกร็บ มีส่วนแบ่งทางการตลาด 95% โดยไม่นับแอพพลิเคชั่นของกลุ่มแท็กซี่ ,บริการเรียกรถยนต์ส่วนบุคคล (GrabCar) มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% และ มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีบริการแบบส่วนบุคคลเพื่อการเดินทางทั้งแบบธรรมดาและแบบพรีเมียม , บริการเรียกรถจักรยานยนต์ (GrabBike) เป็นที่นิยมที่สุดในกรุงจาการ์ตา ซึ่งเป็นมืองที่มีจำนวนประชากรมากกว่ากรุงปักกิ่งถึง 60% และ บริการส่งสินค้า (GrabExpress) บริการรับส่งพัสดุและสินค้าแบบออนดีมานด์ ช่วยแก้ไขปัญหาของการจัดส่งสินค้าจากคลังไปยังผู้รับปลายทางในเมืองที่หนาแน่นได้อย่างคล่องตัว
*** มูลค่าตลาด 8.75 แสนล.
อย่างไรก็ตามโอกาสทางการตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นตลาดการเดินทางขนส่งและการชำระเงินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมูลค่าถึง 25,000 ล้านดอลลาร์ (เท่ากับ 8.75 แสนล้านบาท คิดจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 35 บาท) เนื่องจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประชากรมากกว่า 620 ล้านคน ซึ่งมากกว่าทวีปยุโรและอเมริกาเหนือ มีจำนวนเมืองใหญ่ถึง 12 เมือง (แต่ละเมืองมีประชากรมากกว่า 2 ล้านคนป และ 4 เมืองที่ใหญ่กว่ามหานครนิวยอร์ก
ส่วนความเหมาะสมสำหรับบริการแชร์รถโดยสาร เป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนบุคคลน้อยที่สุด อัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์อยู่ที่ 70 คันต่อประชากร 1,000 คนทั่วทั้งภูมิภาค ขณะที่ประเทศจีนมีอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์สูงถึง 103 คัน และ ในสหรัฐฯ 574 คันต่อประชากร 1,000 คน
นอกจากนี้แล้วการเติบโตของฐานลูกค้าและความต้องการด้านบริการแบบออนดีมานด์นั้นมีการคาดการณ์ว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีประชากรที่มีรายได้ระดับกลางเพิ่มขึ้น 2 เท่าภายในปี พ.ศ.2563 หรือมากถึง 400 ล้านคนขณะที่ประเทศจีนมีประชากรที่มีรายได้ระดับกลาง 600 ล้านคนในอีก 10 ปีข้างหน้า
[caption id="attachment_160095" align="aligncenter" width="312"]
‘แกร็บ’ผสานธุรกิจ O2O รั้งเบอร์หนึ่งอาเซียน[/caption]
*** ผุดแกร็บนาว
นอกจากนี้แล้ว แกร็บ ยังมีแผนเพิ่มบริการ แกร็บ นาว (Grab Now) ที่จะใช้แอพพลิเคชันมาเรียกรถโดยสารประเภทใดก็ได้ให้รวดเร็วที่สุด โดยจะเริ่มให้บริการในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ก่อนขยายไปในประเทศอื่น ซึ่งขึ้นอยู่กับกฎหมายของในแต่ละประเทศ
ปี 2556 แกร็บ เปิดตัว “แกร็บแท็กซี่” ในเดือนมิถุนายน, ปี 2557 เปิดตัวแกร็บ คาร์ ในเดือนกรกฎาคมและเปิดตัว แกร็บไบค์ ในเดือนพฤศจิกายน, ปี 2558 เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ประเทศสิงคโปร์ในเดือนเมษายน เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาในกรุงปักกิ่ง และเปิดตัว แกร็บ เอ็กซ์เพรสเป็นต้น
ในปี 2559 เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาที่เมืองซีแอตเติลสหรัฐอเมริกาในเดือนมกราคม เปิดตัวแกร็บเพย์ และซอฟต์แบงก์ ลงทุนเพิ่มเติม 750 ล้านดอลลาร์และในปี 2560 เปิดตัว แกร็บโค้ช และเข้าซื้อ Kudo เพื่อขยายแพลตฟอร์มแกร็บเพย์
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,269 วันที่ 11 - 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560
หากแต่การฉลองครบรอบ 5 ปีครั้งนี้ แกร็บ ได้เชิญบรรดาสื่อมวลชนจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงสื่อมวลชนจากประเทศไทย จำนวน 11 ฉบับ เข้าร่วมงานดังกล่าวหนึ่งในนั้นมี “ฐานเศรษฐกิจ” รวมอยู่ด้วย
[caption id="attachment_160094" align="aligncenter" width="503"]
***ผสานธุรกิจ O2O
นายแอนโทนี่ ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง แกร็บ เปิดเผยว่า กลยุทธ์ของ แกร็บ ภายใน 5 ปีข้างหน้า ให้ความสำคัญเรื่องการผสานธุรกิจจากออนไลน์ไปออฟไลน์( O2O) และ การเข้าถึงการใช้งานสมาร์ทโฟนคาดว่าจะขยายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในอีก 5 ปีข้างหน้าในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ โดยปัจจุบันได้ขยายตัวเกิน 100% แล้วในประเทศมาเลเซีย และ สิงคโปร์ ซึ่ง O2O จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโลกออนไลน์ระหว่างคนขับ-ผู้โดยสาร และ สังคม เป็นต้น
ขณะที่ แกร็บ ให้บริการแล้วใน 55 เมืองใน 7 ประเทศ (สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไทย เวียดนาม และ พม่า) มีตัวแทน (Agents) ถึงกว่า 4 แสนคนในกว่า 500 เมือง
*** พัฒนาแกร็บเพย์ เครดิต
นอกจากนี้แล้ว แกร็บ มีระบบรับชำระค่าบริการผ่านบัตรเครดิต,เดบิต และ อาลีเพย์ เป็นต้น แต่หลังจากนี้ระบบการชำระเงิน แกร็บเพย์ เครดิต (Grab Pay Credit) จะถูกพัฒนาขึ้นจากเดิมที่ใช้ผูกกับบัตรเครดิต จะเป็นโซลูชันเติมเงินเข้าไปในระบบ เพื่อนำไปใช้เป็นค่าโดยสารล่วงหน้า หรือบริการอื่นๆในอนาคตได้ และยังอัพเดตสิทธิพิเศษแก่ลูกค้าที่ใช้งานประจำผ่านแกร็บ รีวอร์ด (Grab Rewards) ให้มีส่วนลดพิเศษเพิ่มมากขึ้น
*** ยอดดาวน์โหลด 45ล.
สำหรับจำนวนยอดดาวน์โหลด แกร็บ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 45 ล้านดาวน์โหลด มีเครือข่ายคนขับมากกว่า 930,000 คน และ จำนวนเรียกรถแต่ละครั้ง 9.3 แสนคันจาก 55 เมืองใน 7 ประเทศ
***ส่วนแบ่งตลาด 95%
ขณะที่ แกร็บ มีส่วนแบ่งทางการตลาด 95% โดยไม่นับแอพพลิเคชั่นของกลุ่มแท็กซี่ ,บริการเรียกรถยนต์ส่วนบุคคล (GrabCar) มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% และ มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีบริการแบบส่วนบุคคลเพื่อการเดินทางทั้งแบบธรรมดาและแบบพรีเมียม , บริการเรียกรถจักรยานยนต์ (GrabBike) เป็นที่นิยมที่สุดในกรุงจาการ์ตา ซึ่งเป็นมืองที่มีจำนวนประชากรมากกว่ากรุงปักกิ่งถึง 60% และ บริการส่งสินค้า (GrabExpress) บริการรับส่งพัสดุและสินค้าแบบออนดีมานด์ ช่วยแก้ไขปัญหาของการจัดส่งสินค้าจากคลังไปยังผู้รับปลายทางในเมืองที่หนาแน่นได้อย่างคล่องตัว
*** มูลค่าตลาด 8.75 แสนล.
อย่างไรก็ตามโอกาสทางการตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นตลาดการเดินทางขนส่งและการชำระเงินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมูลค่าถึง 25,000 ล้านดอลลาร์ (เท่ากับ 8.75 แสนล้านบาท คิดจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 35 บาท) เนื่องจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประชากรมากกว่า 620 ล้านคน ซึ่งมากกว่าทวีปยุโรและอเมริกาเหนือ มีจำนวนเมืองใหญ่ถึง 12 เมือง (แต่ละเมืองมีประชากรมากกว่า 2 ล้านคนป และ 4 เมืองที่ใหญ่กว่ามหานครนิวยอร์ก
ส่วนความเหมาะสมสำหรับบริการแชร์รถโดยสาร เป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนบุคคลน้อยที่สุด อัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์อยู่ที่ 70 คันต่อประชากร 1,000 คนทั่วทั้งภูมิภาค ขณะที่ประเทศจีนมีอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์สูงถึง 103 คัน และ ในสหรัฐฯ 574 คันต่อประชากร 1,000 คน
นอกจากนี้แล้วการเติบโตของฐานลูกค้าและความต้องการด้านบริการแบบออนดีมานด์นั้นมีการคาดการณ์ว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีประชากรที่มีรายได้ระดับกลางเพิ่มขึ้น 2 เท่าภายในปี พ.ศ.2563 หรือมากถึง 400 ล้านคนขณะที่ประเทศจีนมีประชากรที่มีรายได้ระดับกลาง 600 ล้านคนในอีก 10 ปีข้างหน้า
[caption id="attachment_160095" align="aligncenter" width="312"]
*** ผุดแกร็บนาว
นอกจากนี้แล้ว แกร็บ ยังมีแผนเพิ่มบริการ แกร็บ นาว (Grab Now) ที่จะใช้แอพพลิเคชันมาเรียกรถโดยสารประเภทใดก็ได้ให้รวดเร็วที่สุด โดยจะเริ่มให้บริการในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ก่อนขยายไปในประเทศอื่น ซึ่งขึ้นอยู่กับกฎหมายของในแต่ละประเทศ
ปี 2556 แกร็บ เปิดตัว “แกร็บแท็กซี่” ในเดือนมิถุนายน, ปี 2557 เปิดตัวแกร็บ คาร์ ในเดือนกรกฎาคมและเปิดตัว แกร็บไบค์ ในเดือนพฤศจิกายน, ปี 2558 เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ประเทศสิงคโปร์ในเดือนเมษายน เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาในกรุงปักกิ่ง และเปิดตัว แกร็บ เอ็กซ์เพรสเป็นต้น
ในปี 2559 เปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาที่เมืองซีแอตเติลสหรัฐอเมริกาในเดือนมกราคม เปิดตัวแกร็บเพย์ และซอฟต์แบงก์ ลงทุนเพิ่มเติม 750 ล้านดอลลาร์และในปี 2560 เปิดตัว แกร็บโค้ช และเข้าซื้อ Kudo เพื่อขยายแพลตฟอร์มแกร็บเพย์
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,269 วันที่ 11 - 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560