บาทแข็งลากยาวไตรมาส 2 ปีหน้า

08 มิ.ย. 2560 | 03:30 น.
แบงก์กรุงศรีฯประเมินปัจจัยต่างประเทศยังกดดันทิศทางค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องถึงไตรมาส 2 ปี 2561

ความท้าทายช่วงที่เหลือของปี 2560 ต่อตลาดเงินยังโฟกัสปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ไม่ว่าการเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษการประกาศดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา(เฟด) ประชุมวันที่ 13-14 มิถุนายนนี้ หรือมาตรการคุมเข้มนโยบายการคลังชุดใหม่ของรัฐบาลกรีซการเลือกตั้งทั่วไปในเยอรมนี หรือ แนวโน้มที่รัฐบาลอิตาลียุบสภาและการเลือกตั้งในอิตาลี เหล่านี้ ล้วนส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งต้องจับตาการเคลื่อนไหวของเงินบาทในระยะข้างหน้า

[caption id="attachment_158572" align="aligncenter" width="503"] ตรรก บุนนาค ประธานเจ้าคณะหน้าที่ด้านโกลบัลมาร์เก็ตธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) ตรรก บุนนาค ประธานเจ้าคณะหน้าที่ด้านโกลบัลมาร์เก็ตธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)[/caption]

นายตรรก บุนนาค ประธานเจ้าคณะหน้าที่ด้านโกลบัลมาร์เก็ตธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าแนวโน้มตลาดเงินและทิศทางอัตราดอกเบี้ยครึ่งหลังปี 2560 เงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางประเทศสำคัญๆตลาดรอความชัดเจนทั้งนโยบาย เฟดและอีซีบี ขณะที่เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% สู่ 1.25-1.5% ในปีนี้ท่ามกลางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น ประกอบกับตัวแปรที่ต้องติดตามไม่ว่าการเมืองโลกและสหรัฐฯ ความเสี่ยงที่ทรัมป์จะเผชิญกระบวนการถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดีเสถียรภาพเศรษฐกิจจีนรวมถึงค่าเงินหยวน

“เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องถึงไตรมาส 2 ปี 2561ที่ระดับ 33.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในกรอบ 32.75-34.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเงินบาทแข็งค่า5.1% สอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาค แต่ในบางช่วงเงินบาทแข็งค่ากว่าสกุลเงินของประเทศคู่แข่งและคู่ค้ากระทบความสามารถแข่งขันด้านราคาของผู้ส่งออกไทย”

ขณะที่คาดการณ์ไตรมาสแรกปีหน้าดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯแตะ 1.41% อังกฤษ 0.50% ญี่ปุ่นติดลบ 0.10% ยูโรโซน 0.00%โดยกนง.อาจส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าหลังสิ้นปีนี้ยังทรงตัวที่ 1.50%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,268 วันที่ 8 - 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560